ข่าวปนคน คนปนข่าว
**โซเชียลฯไม่โอเค “บิ๊กปั๊ด” ว่า ประชาชนเอาแต่สนุกกับคดีแตงโม เจอสวน “ทัศนคติแย่” แบบนี้คนเลยไม่เชื่อใจตำรวจ
ผ่านมาแล้วกว่าหนึ่งเดือนเต็ม สำหรับคดีการเสียชีวิตของดาราสาว “แตงโม” นิดา พัชรวีระพงษ์ การคลี่คลายคดีของตำรวจเพื่อนำไปสู่การไขข้อสงสัยของสังคมที่เฝ้าติดตามอย่างสนใจก็ยังคงเป็นปริศนา
คดีนี้ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ในโลกโซเชียลฯ อย่างที่รู้กันดี ต่างก็ช่วยกันพยายามขุดคุ้ย จับพิรุธต่างๆ นานา น่าคิดบ้าง มโนบ้าง แต่ก็เรียกว่า นักสืบโซเชียลฯ ทำงานกันต่อเนื่อง ได้ใจประชาชนที่ต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับดาราสาว
ขณะที่ฝ่ายตำรวจ แม้ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จะกระโดดลงมาคุมคดีเอง เพื่อหวังสร้างความมั่นใจให้สังคม แต่ยิ่งทำไปทำมา ผบ.ตร. มาเองแทนที่เป็นความหวัง กลับเป็นไปในทางตรงข้าม
อย่างเมื่อวานนี้ (24 มี.ค.) “บิ๊กปั๊ด” ออกมากล่าวถึงความคืบหน้าคดี “แตงโม” ที่คนสงสัยทำไมตำรวจไม่สรุปสำนวนเสียที ว่า พนักงานสอบสวนจะสรุปต้องรอผลรายงานทางแล็บอีกหลายชิ้น ที่ยังไม่เรียบร้อย ถ้าเอกสารการตรวจพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้ว พนักงานสอบสวนก็จะสามารถสรุปได้ โดยพิจารณาภาพรวมของพยานหลักฐานทุกชิ้น
ผบ.ตร. ไม่พูดเปล่า ยังฝากไปยังประชาชน ว่า อย่าดูแค่หลักฐานจากชิ้นใดชิ้นหนึ่ง ตำรวจดูทั้งหมด แล้วค่อยมาตัดสิน มาชั่งน้ำหนักไม่มีใครรู้หรอกว่า วันนั้นเกิดเหตุอะไรขึ้น นอกจากคนอยู่ในเหตุการณ์ แต่การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้การรวบรวมพยานหลักฐาน บางคนบอกมีคลิปอันนึง ก็ตัดสินแบบนี้ บางคนบอกเห็นภาพรูปนึง ก็ตัดสินแบบนั้น มันไม่ได้ เพราะเรามีการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ เอามาพิจารณารวม จึงฝากไว้ด้วยว่า การจะตัดสินอะไร ต้องดูทุกอย่างประกอบกันไป อย่าดูอย่างใดอย่างหนึ่ง นิติ วิทยาศาสตร์อย่างเดียว ก็ไม่ใช่คำตอบ หลักฐานคลิปอย่างเดียว ก็ไม่ใช่คำตอบ ทุกอย่างมันต้องสอดคล้องไปด้วยกัน ถ้ามันขัดแย้งกัน เราจะเห็นเองว่ามันไม่ใช่
“ฝากพี่น้องประชาชนให้ใช้วิจารณญาณ อย่าเอาแต่สนุกสนาน มันไม่ใช่เรื่องที่จะกระทำสำหรับผู้สูญเสียไป” ผบ.ตร. กล่าว
เท่านั้นเอง โลกโซเชียลฯ ก็ร้อนฉ่าขึ้นมาทันที เพราะคำพูดของ “พล.ต.อ.สุวัฒน์” ที่ว่าประชาชนเอาแต่สนุกสนาน กลายเป็นจุดจอดรถทัวร์ สวนกลับ ผบ.ตร. ดันแฮชแท็ก #ทวงคืนความยุติธรรมให้แตงโม และ #ตามติดคดีแตงโม ขึ้นมาฮอตฮิตติดชาร์ตยอดนิยม โดยชาวเน็ตส่วนใหญ่ เห็นว่า งานนี้ประชาชนไม่สนุก
ยกตัวอย่างคอมเมนต์ เช่น ประชาชนไม่สนุกค่ะ ทุกคนมีจุดประสงค์เดียวกัน คือ หาความจริง และหาความยุติธรรมที่มันหาโคตรยากในประเทศนี้
ผบ.ตร.คุณเอาอะไรมาตัดสิน ปชช. ว่าเขาสนุก ???
ใครเค้าสนุกกับเรื่องนี้ บักผีบ้า
คนทั้งประเทศไม่เชื่อใจตำรวจอยู่นะ ถ้ารุมทึ้ง ผบ.ตร.ได้ ก็ทำไปแล้ว
หลักฐานก็ไม่รักษา เอะอะหาย
5 คนนั้นก็โนสน โนแคร์ ให้เล่นปาหี่
จำลอง/พิสูจน์ได้ความยังไงไม่แจ้ง แต่แถลงซ้ำไปซ้ำมา
ที่เจ็บที่สุดเห็นจะเป็น ทัศนคติที่ไม่ดีต่อประชาชนไงคะ เพราะแบบนี้ประชาชนถึงไม่เชื่อใจ
นี่เป็นเสียงสะท้อนของประชาชนที่เขาเฝ้ามองตำรวจทำงานในคดีแตงโม ที่ “บิ๊กปั๊ด” ควรเก็บไปคิด และเตือน (ปาก) ตัวเองจะดีกว่ามั้ย ?
** ฮือฮา “ลูกชูวิทย์” โผล่ร่วมประชุมพรรคธรรมนัส
หลังจาก พรรคเศรษฐกิจไทย ได้จัดประชุมใหญ่ไปเมื่อ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อตั้งกรรมการบริหารพรรค รับสมัครสมาชิกพรรค และตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัดไปส่วนหนึ่งแล้ว โดยเบื้องต้น “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นหัวหน้าพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นเลขาธิการพรรค น.ส.ธนพร ศรีวิราช เหรัญญิกพรรค นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ นายทะเบียนพรรค
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (24 มี.ค.) “พล.อ.วิชญ์” ได้เรียกประชุมพรรคอีกครั้ง เพื่อแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติม โดยตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ได้แก่ พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์, วิชิต ปลั่งศรีสกุล และ ไพร พัฒโน
ส่วนที่ปรึกษาพรรค ได้แก่ อัมรินทร์ คอมันตร์ และ อร่าม โล่ห์วีระ ส่วนผู้ช่วยนายทะเบียน ธนสาร ธรรมสอน และ สุธี พงษ์เพียรชอบ, ผู้ช่วยเหรัญญิก นุชนารถ วงศ์ปาลิต, พ.ต.ท.ปฐม นาคะเสงี่ยม ส่วน ไผ่ ลิกค์ และ ภาคภูมิ บูลย์ประมุข เป็นรองเลขาธิการพรรค
แต่ที่เซอร์ไพรส์ ก็คือ มีสมาชิกพรรคอย่าง ภักดีหาญส์ หิมะทองคำ, ปีเตอร์ ไมอ๊อกซิ ดารานักแสดง ตลอดจน “อัมรินทร์ คอมันตร์” นักธุรกิจระหว่างประเทศ ที่มีบทบาทเคลื่อนไหวทางการเมือง และ “เติมตระกูล กมลวิศิษฎ์” ลูกชายของ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ก็มาร่วมสังเกตการณ์การประชุมด้วย
สำหรับ “ภักดีหาญส์ หิมะทองคำ” เป็นอดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นอดีต ส.ก.เขตวังทองหลาง ต่อมาได้ย้ายไปสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อช่วยทำงานในนามคนรุ่นใหม่ของพรรค รวมทั้งช่วยดูแลเรื่องคะแนนเสียงในพื้นที่ กทม.ด้วย ...แต่ครั้งนี้ “ภักดีหาญส์” มาร่วมงานการเมืองกับ “ผู้กองธรรมนัส” เพราะมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ “ไผ่ ลิกค์”
ส่วน “เติมตระกูล กมลวิศิษฎ์” ลูกชายคนที่ 2 ของ “เฮียชูวิทย์” ที่มาร่วมสังเกตการณ์ในครั้งนี้ เชื่อว่า ในอนาคตก็คงมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อร่วมงานการเมืองด้วย
“เติมตระกูล” จบการศึกษาจาก สาขาวิชาธุรกิจโรงแรมและที่พัก คณะวิทยาการจัดการ ม.ศิลปากร เคยเป็นข่าวโด่งดังเมื่อครั้งเข้าเกณฑ์ทหาร และจับได้ใบแดง สังกัด ทบ.1 ค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี โดยมีสำนักข่าวแห่งหนึ่ง รายงานข่าวว่า เขาเป็น “พลทหารที่รวยที่สุด” ในขณะนั้น โดยเป็นเจ้าของหุ้นในธุรกิจครอบครัว รวมเป็นมูลค่าราว 150 ล้านบาท... และเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อเข้าพิธีวิวาห์กับนักแสดงสาวสวย “ซี-หทัยภัทร สมรรถวิทยาเวช”
การที่ “เติมตระกูล” ไปโผล่ในที่ประชุมพรรคเศรษฐกิจไทยครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากความสัมพันธ์ พึ่งพาอาศัยกัน ระหว่าง “ชูวิทย์” กับ “ผู้กองธรรมนัส” ที่มีมายาวนาน ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ทั้งคู่ยังโลดแล่นอยู่ในยุทธจักร ก่อนเข้าสู่วงการการเมือง
และในช่วงที่ “ผู้กองธรรมนัส” รอดจากการหลุดพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. และรัฐมนตรี ตามคำวินิจฉัยของศาล รธน. จากกรณี “ค้าแป้ง” เมื่อไม่นานมานี้ “ชูวิทย์” ยังโพสต์แสดงความเห็นผ่านโซเชียลฯ ว่า ...ในอนาคต เมื่อหมดรุ่นนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว “ธรรมนัส” อาจไต่เต้าไปถึงตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรีประเทศไทย” ก็เป็นได้ ...เพราะยุคนี้ หาใครใหญ่ไปกว่า “ธรรมนัส” คงไม่มีแล้ว เป็นพยัคฆ์ติดปีกบินเหินเวหา...
เป็นไปได้ว่า “ชูวิทย์” รู้ซึ้งถึงศักยภาพทางการเมืองของ “ผู้กองธรรมนัส” จึงยอมให้ลูกชาย โดดเข้าสู่สนามการเมือง ในสีเสื้อของ “ผู้กองธรรมนัส”
ส่วนเส้นทางนี้ จะราบรื่น หรือต้องฝ่าดงหนาม ก็ต้องติดตามดูกันยาวๆ