แกนนำ ปชป. ปลุกขวัญ “ดร.เอ้-ผู้สมัคร ส.ก.” ส่งครบทุกเขต เพราะมั่นใจปัดแก้บน ชูคุณภาพคับ โวกระแสนิยมไต่ขึ้นเพียบ มอบงาน ส.ก.พลัส ควบบทบาท ส.ข.เน้นเชิงลึกพื้นที่ แนะนโยบายอย่าฟุ้ง มุ่งพื้นที่เขต จับมือเดินทั้ง 50 เขต “ดร.เอ้” ฟุ้งไม่แค่นั่งเซ็นแฟ้มลุยคลอง-กองขยะ
วันนี้ (21 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ได้จัดสัมมนาว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) โดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้กล่าวเปิดสัมมนา ว่า การเลือกตั้ง กทม.เที่ยวนี้ ถือว่าเป็นยุคที่พรรคมีความพร้อมที่สุดยุคหนึ่ง และเสนอทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับชาว กทม.อีกครั้ง เรามีความพร้อมตั้งแต่ก่อนเปิดตัวผู้ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. และลงพื้นที่มาเป็นลำดับ จนถึงวันที่เราได้เปิดตัวผู้สมัคร ส.ก.ทั้ง 50 เขต ซึ่งการเลือกตั้งใหญ่ ส.ส. ในปี 62 แม้พรรคจะไม่ได้รับเลือกตั้งใน กทม. ก่อนที่ตนเข้ามาเป็นหัวหน้า แต่ 3 ปีที่ผ่านมา เราได้พิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นทุ่มเท ทั้งการทำงานกับ ครม .และพื้นที่ กทม.เรามีผลงานที่เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ชัดเจนไม่มียุคไหนทำได้ขนาดนี้
นายจุรินทร์ กล่าวว่า แม้พรรคไม่มี ส.ส .ใน กทม.เลย แต่เรามีสมาชิกพรรค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก . ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ลงพื้นที่สม่ำเสมอ ไม่เคยทิ้งชาว กทม. เป็นการพิสูจน์ความมุ่งมั่นทุ่มเท ตั้งใจทำงาน
“วันนี้ผมมั่นใจว่าเสียงตอบรับจากชาว กทม. ดีขึ้น และจากลงไปสัมผัสตัวจริง เราได้เสียงตอบรับชัดเจน เมื่อเทียบจากสามปีที่ผ่านมา หลายโพลที่เราสำรวจและจากการติดตาม พบว่า เราเดินขึ้นไม่ได้เดินลง รวมถึงภาพรวมทั้งประเทศ”
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ที่เราส่งลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก.เพราะเชื่อว่ามีโอกาสไม่ใช่ส่งแค่ให้ครบ หรือแก้บนทางการเมือง แต่ส่งเพราะเรามั่นใจว่าเรามีโอกาส มีนโยบายที่รองรับการปฏิบัติได้จริงไม่ใช่เขียนไปท่ามกลางความฝันในอวกาศ และหวังจะได้ทำ ทุกอย่างต้องทำได้ไว ทำได้จริง
ส่วนการส่งผู้ลงสมัคร ส.ก .ครั้งนี้เรายังมี 50 เขต ตนรู้ว่าเราพร้อมเพราะมีการตั้งการ์ดตั้งแต่วันแรกก่อนที่จะประกาศตัวผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม.ด้วยซ้ำ ตนมั่นใจในคุณภาพ เพราะกลั่นกรองมาอย่างดี คุณภาพคับแก้วทั้งนั้น ใน 50 คน มีอดีต ส.ก.ถึง 13 คน ล้วนมีประสบการณ์มาแล้วเข้าไปแล้วทำงานได้เลย และมีอดีต ส.ข.ที่ทำงานลึกในชุมชน 14 คน รวมถึงบุคคลที่เป็นเลือดใหม่อีก 23 คน ล้วนมีอาชีพหลากหลาย ทั้งนักกฎหมาย อาจารย์ นักธุรกิจ ฯลฯ
“ผมขอย้ำกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. ว่า หากได้รับโอกาสต้องทำมากกว่ากฎหมายกำหนดในทางที่ถูกต้อง คือ นอกจากเป็นตัวแทนเขตต่างๆ ในสภา กทม .ควบคุมการทำงานของผู้ว่าฯ กทม. และคณะ งานด้านนิติบัญญัติท้องถิ่น ดูแลเรื่องงบประมาณ เป็นปากเสียงให้คน กทม.แล้ว ยังมีภารกิจเพิ่ม คือ ส.ก.พลัส เพราะเมื่อผู้มีอำนาจได้ยกเลิก ส.ข.ไปแล้ว ทำให้คนทำงานในเชิงลึกหายไป ดังนั้น ส.ก.ต้องเข้าไปเติมเต็มในส่วนนี้ คือ ทำภารกิจ 2 ด้าน ทั้ง ส.ก .และ ส.ข. ให้คน กทม. อุ่นใจและมั่นใจ”
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นเที่ยวนี้เราจะได้รับโอกาสด้วยทีมงานคุณภาพ วิสัยทัศน์ที่ทำได้ไว ทำได้จริง ผู้สมัครไม่ยืนโดดเดี่ยว เพราะไม่ลงอิสระ แต่สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นสถาบันการเมืองที่ยั่งยืนที่สุดของประเทศ ถือเป็นความมั่นใจที่ให้คน กทม .ได้ ว่า ไม่ได้รับผิดชอบแต่ ผู้ว่าฯ หรือ ส.ก. แต่รับผิดชอบสิ่งที่เขาทำด้วย ตนจึงขออวยพรให้ทุกคนประสบความสำเร็จได้รับเลือกตั้งกลับมาชัยชนะ
ด้าน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีการเตรียมตัวมากกว่าทุกครั้ง เพราะต้องการให้เห็นว่าเราต้องการเป็นตัวแทนคน กทม.จริงๆ และตนมองว่า ผู้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะเป็นผู้นำอนาคตของประเทศ ไม่ใช่เฉพาะ กทม. เท่านั้น และไม่ใช่ที่ที่เป็นวาระสุดท้ายของคนเกษียณราชการ คนที่ไม่มีความมุ่งมั่นทะเยอทะยานจะบริหารเมืองใหญ่ได้อย่างไร จึงต้องสื่อให้คน กทม.รู้ว่า กรุงเทพฯ เป็นเสมือนที่ที่พิสูจน์ให้ได้ว่ามีความสามารถบริหารบ้านได้หรือไม่ เรามีพื้นฐานคะแนนเดิมที่มีอยู่ และการปลุกกลุ่มที่หลับอยู่ แม้วันนี้จะไม่มี ส.ข .แต่เราสามารถบริหารจัดการในพื้นที่โดยใช้คนของเราได้ เชื่อมั่นว่า สิ่งหนึ่งที่จะเป็นพลังให้กับเราคือทุกคนจับมือกันเดินไปทั้ง 50 เขต หากเดินแบบนี้ความเป็นประชาธิปัตย์จะกลับมาทันที เพราะแสดงถึงความพร้อมที่จะกลับมารับใช้ประเทศ
ส่วนนโยบายแต่ละเขตไม่จำเป็นต้องมีมากมาย หรือเหมือนๆ กัน ต้องดูอะไรที่เป็นหมัดเด็ด พอได้แล้วทำได้ทันที ไม่ใช่ถึงเวลาแล้วทำไม่ได้ก็จะมีปัญหา เอาที่เป็นของแท้ ส่วนเทคนิกการเอาชนะ การเลือกตั้งนั้น ตนไม่รู้ในพื้นที่ทั้งหมด อยู่ที่การทุ่มเทของท่านที่จะเดินไปกับผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในทุกพื้นที่ ถ้าทำได้ตนมั่นใจว่าผลที่ออกมาเราจะมีความรู้สึกที่ดีขึ้น เราต้องทำให้ภาพความรู้สึกกับคนของพรรคประชาธิปัตย์กลับมาให้ได้ถึงจะสำเร็จ
“เรามีความพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องเดินหน้าพร้อมๆ กัน วันที่จับสลากเบอร์จะเห็นความเป็นประชาธิปัตย์อีกครั้ง หวังว่า จะปรากฏให้สังคมได้เห็น พวกผมดำรงตำแหน่งทางการเมืองคงไม่สามารถลงไปเดินด้วยได้ แต่ผมยังมีหน้าที่รับผิดชอบอยู่ แม้จะไม่สามารถออกหน้าออกตาได้ แต่การลงสมัครในนามพรรค เราก็ต้องรับผิดชอบ เราจะไม่ทิ้งกัน จะเดินไปด้วยกัน ทำความสำเร็จด้วยกัน ขอให้เป็นน้ำหนึ่งในเดียวกัน ในทางปฏิบัติผมจะอยู่ใกล้ๆไม่ไปไกล” นายเฉลิมชัย กล่าว
ด้าน นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ สมัครผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า มั่นใจว่า บ้านหลังนี้ยังเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้ตลอดไป ตนเจอแรงปะทะ เกมการเมืองถาโถมทุกรูปแบบ ก็ไม่มีวันท้อ และยิ่งมีความมุ่งมั่น มั่นใจเปลี่ยนกรุงเทพฯได้แน่ ตลอดสามเดือนลงพื้นที่ครบ 50 เขต เดินมาแล้วเกือบล้านก้าว ซึ่งเจอปัญหาจำนวนมาก ดังนั้น ถ้าได้เป็นผู้ว่าฯจะไม่นั่งติดโต๊ะ ติดแฟ้มอยู่ที่เสาชิงช้า ซึ่ง กทม.จะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ ผู้ว่าฯต้องไปเหยียบกองขยะ เดินจนเท้าพลิก เข้าใจคลองทุกเส้น ถ้าเกิดไม่รู้ว่าคูคลองเป็นอย่างไร มีปัญหาอะไร กทม.ก็เหมือนเดิม มีปัญหาซ้ำซาก และผู้ว่าต้องรู้จักคนในพื้นที่ เพราะทำงานคนเดียวไม่ได้แน่ ต้องทำงานร่วมกับ ส.ก. ทั้งนี้ ผู้ว่าฯของพรรคจึงต้องมาพร้อมกับ ส.ก .ที่มีความรู้อย่างลึกซึ้งและรู้จักพื้นที่
“ผมจะเป็นผู้ว่าฯ ที่ขยัน มุ่งมั่นที่สุด และจะเอาชนะคนกรุงเทพฯให้เลือกผู้ว่าฯ และ ส.ก. ของพรรค แบบยกทีม เพราะไม่มีทางที่ผู้ว่ามาเดี่ยวๆแล้วจะทราบปัญหา เมื่อวานฝนตก น้ำท่วมดินแดง ห้วยขวาง จนถึงจตุจักร แสดงว่า สิ่งที่ กทม.ทำ ไม่พอ วันนี้คนกรุงเทพฯเห็นเป็นประจักษ์ ว่า ทีมผู้ว่าฯ ต้องเข้มแข็ง ดังนั้น ทั้งผู้ว่าฯ และ ส.ก.เมื่อมาร่วมกันก็จะเป็นข้อพิสูจน์ ที่จะทำงานให้กับคนกรุงเทพฯ” นายสุชัชวีร์ กล่าว