โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายกฯ สนับสนุนการนำวิจัยและพัฒนา “ยา-เวชภัณฑ์” เพื่อให้ผู้ป่วยโควิด -19 ในไทยเข้าถึงการรักษาที่ดีทีสุด โดย สธ. ยืนยัน “ฟาวิพิราเวียร์” มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19
วันนี้ (21 มี.ค.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เน้นคำถึงถึงทุกปัจจัยอย่างครอบคลุม ทั้งประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ความสามารถในการจัดหาเวชภัณฑ์ การจัดระบบบริการรองรับผู้ป่วยให้สามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้ ในคราวการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ยังกำชับให้ หน่วยงานที่เกื่ยวข้อง ติดตามประสิทธิภาพเวชภัณฑ์ ทั้งวัคซีนและยารักษา โดยเฉพาะให้สำรวจงานวิจัยและการพัฒนา เพื่อนำมาขึ้นทะเบียน สำหรับประชาชนได้ใช้เพิ่มเติม เพี่อส่งเสริมระบบสาธารณสุขไทยมีความเข้มแข็ง พร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ป่วยโควิด-19 ด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันถึงประสิทธิภาพ “ยาฟาวิพิราเวียร์” ที่ใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย.ในการรักษาไข้หวัดใหญ่ พบว่า ผู้ป่วยหลายรายมีอาการดีขึ้น มีผลการรักษาที่ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาและควบคุมป้องกันโรคจึงพิจารณาให้นำยาฟาวิพิราเวียร์มาใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ประกอบกับไทยเองสามารถจัดหายาฟาวิพิราเวียร์จำนวนมากได้ในราคาที่ไม่แพง ยืนยันว่าไม่มีการนำยาที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือเป็นอันตรายมาใช้ในการรักษาผู้ป่วย
สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่วันนี้ รวม 23,441 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากในประเทศ 23,403 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 38 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,153,975 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้าน 23,153 ราย หายป่วยสะสม 944,243 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 240,339 ราย เสียชีวิต 88 ราย ล่าสุดการให้บริการวัคซีน โควิด-19 สะสมอยู่ที่ 127,399,154 โดส เข็มที่ 1 ฉีดสะสม 54,881,358 โดส เข็มที่ 2 ฉีดสะสม 50,102,809 โดส เข็มที่ 3 ฉีดสะสม 20,440,649 โดส เข็มที่ 4 ฉีดสะสม 1,974,338 โดส
วันนี้ (21 มี.ค.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เน้นคำถึงถึงทุกปัจจัยอย่างครอบคลุม ทั้งประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ความสามารถในการจัดหาเวชภัณฑ์ การจัดระบบบริการรองรับผู้ป่วยให้สามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้ ในคราวการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ยังกำชับให้ หน่วยงานที่เกื่ยวข้อง ติดตามประสิทธิภาพเวชภัณฑ์ ทั้งวัคซีนและยารักษา โดยเฉพาะให้สำรวจงานวิจัยและการพัฒนา เพื่อนำมาขึ้นทะเบียน สำหรับประชาชนได้ใช้เพิ่มเติม เพี่อส่งเสริมระบบสาธารณสุขไทยมีความเข้มแข็ง พร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ป่วยโควิด-19 ด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันถึงประสิทธิภาพ “ยาฟาวิพิราเวียร์” ที่ใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย.ในการรักษาไข้หวัดใหญ่ พบว่า ผู้ป่วยหลายรายมีอาการดีขึ้น มีผลการรักษาที่ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาและควบคุมป้องกันโรคจึงพิจารณาให้นำยาฟาวิพิราเวียร์มาใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ประกอบกับไทยเองสามารถจัดหายาฟาวิพิราเวียร์จำนวนมากได้ในราคาที่ไม่แพง ยืนยันว่าไม่มีการนำยาที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือเป็นอันตรายมาใช้ในการรักษาผู้ป่วย
สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่วันนี้ รวม 23,441 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากในประเทศ 23,403 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 38 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,153,975 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้าน 23,153 ราย หายป่วยสะสม 944,243 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 240,339 ราย เสียชีวิต 88 ราย ล่าสุดการให้บริการวัคซีน โควิด-19 สะสมอยู่ที่ 127,399,154 โดส เข็มที่ 1 ฉีดสะสม 54,881,358 โดส เข็มที่ 2 ฉีดสะสม 50,102,809 โดส เข็มที่ 3 ฉีดสะสม 20,440,649 โดส เข็มที่ 4 ฉีดสะสม 1,974,338 โดส