ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ไฮโซปอ กับคอนเนกชัน “ช”-“ผ” กุนซือคดีแตงโม อีกหนึ่งความจริงที่รอ “ป.ปั๊ด” ไขปริศนา
วันก่อนได้กล่าวถึงการคลี่คลายคดีแตงโม “นิดา พัชรวีระพงษ์” ว่า “ป.ปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่ลงมาคุมคดีเอง จะเป็นผู้ไขปริศนาให้คำตอบกับสังคม ซึ่งจะผลจะออกมาอย่างไรเป็นเรื่องที่ต้องรอติดตาม
ถึงตรงนี้ (8 มี.ค.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาใครเพิ่มเติม
จาก พยานหลักฐาน ณ เวลานี้ น่าจะบ่งชี้ไปที่ประมาท ทำให้มีคนตาย พยานหลักฐานตอนนี้ ยังไม่มีการบ่งชี้ว่าเป็นฆาตกรรม
ขณะที่ “ป.ปั๊ด” และตำรวจพยายามคลี่คลายคดี วันนี้มีอีกหนึ่ง “ป” คือ “ไฮโซปอ” กลับมาเป็นประเด็นที่สายสืบโซเชียลพูดถึงกันหนัก โดยเฉพาะกับความสัมพันธ์บุคคลที่ 3 คนในแวดวงการเมือง ที่เชื่อกันว่า เป็น “กุนซือ” วางแผนให้คำแนะนำให้ “ไฮโซปอ” คลี่คลายคดีของตัวเองและพวกคนบนเรือ
เรียกว่า ฝั่งตำรวจสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคคีมี “ป.ปั๊ด” คุม ฝั่งคนบนเรือก็มี “ป.ปอ” คุมเช่นกัน!
ว่ากันว่า การคุมเกมของปอนั้น มีนักการเมืองไม่ใช่คนเดียวที่ช่วยเหลือ อักษรย่อว่อนไปทั่วเน็ตนั้น ปรากฏทั้ง “ช” และ “ผ”
เรื่องนี้ “เฮียชู” ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ทิ้งปริศนาไว้เมื่อวันก่อนว่า กลุ่มคนบนเรือ 5 คน หลังเกิดเหตุมีการโทร.ประสานไปยังนักการเมืองคนหนึ่งที่มีอักษรย่อ ช. เพื่อขอความช่วยเหลือ รวมถึงคำแนะนำ จนต่อมากลายเป็นการให้ทุกคนที่อยู่บนเรือให้การไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อวาน “ชูวิทย์” โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ตอกย้ำไปอีกดอกว่า แทงหวยไม่ถูก แต่เรื่องแตงโมถูก 100%
1. จะมีคนกลับคำให้การ เลือกจะโกหกแล้ว ก็ต้องโกหกให้ตลอด แต่ถ้าโกหกได้ไม่สุด ก็ต้องกลับคำให้การ เพราะมี 5 คน จะโกหกเหมือนกันได้อย่างไร?
ขนาดพี่น้องท้องเดียวกัน คลานตามกันมา 3 คนแท้ๆ ยังทะเลาะกัน นับประสาอะไรกับคนต่างพ่อต่างแม่ ต่างคนต่างมา?
ส่วนจะถือว่าเป็นการ “แจ้งความอันเป็นเท็จ” หรือไม่? ก็ขึ้นอยู่กับว่า หากเป็น “ผู้ต้องหา” ที่มีการตั้งข้อหาแล้ว จะกลับคำให้การอย่างไรก็ได้ ถือว่าเป็นสิทธิในการต่อสู้คดี
แต่หากมีสถานะเป็น “พยาน” หากโกหกก็ถือว่า “แจ้งความอันเป็นเท็จ” อย่างที่ผมว่าไว้ …
2. รถหรู เรือเร็ว จิบไวน์แพง อัปยา ปาร์ตี้ นี่คือ วงจรของไฮโซทั่วโลก ไม่มีพ้นเรื่องพวกนี้ ทั้งดื่ม ทั้งดูด ทั้งดม ครบเครื่อง
1 ใน 5 ยังตาลอยแถลงข่าวอยู่เลย ที่หลบไป 2 วัน ไม่ใช่อะไร รอให้มันจางก่อน หรือว่าจะไปเติมอีกหน่อยดี? มันเครียดนะ นี่ก็ผมว่าไว้อีก
3. คอนเนกชัน พอเกิดเรื่องก็ติดต่อหาผู้ใหญ่ นักการเมืองแก๊งรถหรู ชื่อย่อ ช. และ ก. และ ผ. แต่พวกนี้แจวเรือหนีหมด!
จากแรกๆ ไวน์เป็นลัง เลยเหลือแค่ขวดเดียว จากขวดเดียวเลยเหลือแค่คนละแก้ว โถ... พวกไฮโซ แก้วเดียวมันพอที่ไหน?
ไวน์ขวดนึง เทได้ 6-7 แก้วมากสุด ไปกัน 6 คน ขวดเดียวจะไปพอหรือ? กระดก 2 ทีก็หมดแล้ว นี่ก็ผมว่าไว้
4. คนตายแก้ตัวไม่ได้ เวลามีคดี ไม่มีอะไรจะสุดระยำตำบอนเท่ากับการ “โทษคนตาย” เพราะคนตายแล้วลุกขึ้นมาแก้ตัวไม่ได้
ดังนั้น จึงตัดจบที่ว่า “คนตายพลาดเอง” ไปฉี่ที่ท้ายเรือ ทั้งๆ ที่ล่องสปีดโบ๊ตอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา หาใช่ท้องทะเลอ่าวไทย
ริมแม่น้ำ วัดก็มีห้องน้ำ ร้านอาหารก็มีห้องน้ำ โรงแรมก็มีห้องน้ำ ใครจะบ้าไปนั่งฉี่โชว์กลางแม่น้ำ?..นี่ผมก็บอกไว้แล้ว
5. คำแนะนำ สุภาษิตประจำใจชูวิทย์ “สู้ติดแน่ แพ้ติดนาน สารภาพติดพอประมาณ” ความจริงคือสิ่งไม่ตาย ขืนยังฝืนโกหกต่อไปอาจต้องไปเรือนจำพิเศษฯ ถิ่นเก่าของผม
อย่างที่ผมว่าเอาไว้ทุกประการฉะนี้ …โดยที่ ชูวิทย์ ยังได้คอมเมนต์ใต้โพสต์อีกว่า “ช” ไม่ใช่ “ชาดา” อย่าเดาผิด
พอ “ชูวิทย์” ว่าไว้ ชาวโซเชียลฯช่วยขยาย ทำให้บรรดานักการเมืองที่มีขื่อย่อตามเน็ต ต้องออกมาแสดงตัวกัน โดย “ผ” ไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเศรษฐกิจใหม่ หรือ “ไผ่ วันพอยท์” ฉายาที่ได้มาจากกลุ่มแข่งรถ “วันพอยท์” ที่เจ้าตัวชื่นชอบตั้งขึ้นมา และว่ากันว่า ทำให้รู้จักเป็นเพื่อนกับ “ไฮโซปอ” ที่ก็อยู่ในวงการแข่งรถยนต์เช่นกัน
ไผ่ ยอมรับว่า โทร.หาปอจริงในวันเกิดเหตุ หลังติดตามข่าวแตงโม ซึ่งตัวเองก็รู้จักกับดาราสาว แต่ก็ไม่ได้ให้การช่วยเหลือ หรือคำแนะนำใดๆ แค่โทร.ถามข่าวในฐานะเพื่อน
ส่วน ช. มีความเคลื่อนไหวของ 2 ช. ที่มีชื่อเสียงรู้จักกันดี คนแรก “ชาดา ไทยเศรษฐ์” ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ยอมรับว่า เมื่อ 10 ปีก่อน เคยรู้จัก ปอ สมัยที่เล่นรถ แต่ก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย พร้อมกับบอกว่า ใครที่พาดพิง ใครที่ทำให้เสียหาย ต้องเจอกับเขาแน่ อยากบอกพี่น้องประชาชนว่า ให้ช่วยกันประณามนักการเมือง และอดีตนักการเมือง ที่หิวแสงและพวกชอบมโน
ช. คนที่สองที่ถูกพาดพิง “เอ๋” ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ก็บอกเช่นเดียวกัน ไม่ใช่นักการเมืองที่ถูกพูดถึงในคดีแตงโม แน่ ยืนยันว่าไม่ยุ่งเรื่องนี้ แต่มีคนบนเรือได้เช่าพื้นที่ของเขาจริง แต่เอาจริงๆ ไม่เคยคุยกันเลย
สรุปว่า ...งานนี้ “ไฮโซปอ” รู้จักกับบุคคลในหลากหลายวงการ ผู้ใหญ่ นักการเมือง แต่จะใช้คอนเนกชันอย่างไร เป็นประโยชน์กับคดีตัวเองหรือไม่อย่างไร
ปริศนานี้ก็มีแต่เขาจะยอมเปิดปากหรือไม่ และก็ต้องรออีก ป. “ป.ปั๊ด” จะว่าอย่างไร ...โปรดติดตามกันต่อไป
**โหมโรงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จับตาใครจะมาแรง เบียดเต็ง 1 ตลอดกาลอย่าง “ชัชชาติ”
ชัดเจนไปอีกระดับหนึ่ง เมื่อ ครม.อนุมัติให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นของกรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอไปเมื่อวานนี้ (8 มี.ค.)
นั่นคือ ปี่กลอง เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.- ส.ก.- นายกเมืองพัทยา เริ่มโหมโรงแล้ว ส่วนวันหย่อนบัตร กกต.จะเป็นผู้กำหนด ซึ่งมีรายงานว่า อย่างเร็วก็เป็นวันอาทิตย์ที่ 21 พ.ค. หรืออย่างช้าก็จะเป็นวันวันอาทิตย์ที่ 28 พ.ค. อดใจรออีกไม่วันจะมีความชัดเจนจาก กกต.แน่
หลังจากนี้ ก็จะเริ่มเห็นความเคลื่อนไหวจากบรรดาผู้สมัคร และที่เตรียมเปิดตัวลงสมัครกันอย่างคึกคัก ครึกครื้น
สำหรับตัวบุคคลผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ที่เปิดตัวตั้งแต่ปีมะโว้ และเป็น “เต็ง 1” ตลอดกาลไม่ว่าสำรวจโดยโพลสำนักไหน สำรวจเมื่อไร ก็ทิ้งห่างคู่แข่งหลายช่วงตัว ...ใช่แล้ว เขาคือบุรุษผู้แกร่งสุดในปฐพี อดีต รมว.คมนาคม ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร... “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ที่ประกาศลงสมัครอิสระ ไม่สังกัดพรรคการเมืองใด
คนต่อมา “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ คนหนุ่มโปรไฟล์หรู ที่ลาออกจากตำแหน่งอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มาลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้สโลแกน “เปลี่ยนกรุงเทพฯ เราทำได้” ...แต่เปิดตัวไปได้ไม่กี่วันก็เจอ ดรามา “ทายาทสายตรงไอน์สไตน์” ...จากนั้นก็ถูกยื่นตรวจสอบเรื่องร่ำรวยผิดปกติ เพราะมีทรัพย์สินกว่า 300 ล้าน ซึ่งขณะนี้กำลังถูกตรวจสอบโดย คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” เป็นประธาน ในการตรวจสอบ
ทำเอา “ดร.เอ้” งานกร่อย ระยะหลังก็เลยเงียบๆ ไป ไม่ค่อยมีข่าวออกพบปะประชาชน แต่หลังจากมีความชัดเจนเรื่องวันเลือกตั้ง ก็น่าจะเป็นแรงกระตุ้นให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
ส่วน “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก็ยื่นลาออกจากการเป็นส.ส.ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. เพื่อเตรียมตัวลงสมัคร ผู้ว่าฯกทม. ชูนโยบายทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองปลอดภัย ...แม้จะยังไม่ชัดเจนในวันเลือกตั้ง แต่ก็มีคนเห็น “วิโรจน์” ตระเวนแนะนำตัวพร้อมหนีบผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคลงพื้นที่ไปพร้อมกันด้วย
“รสนา โตสิตระกูล” อดีต ส.ว. เป็นอีกหนึ่งผู้สมัครสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่เปิดตัวตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว โดยยึดแคมเปญว่าเป็นผู้สมัคร “อิสระตัวจริง” ไม่มีพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองหนุนหลัง เพราะเห็นว่าตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ไม่ควรเป็นสงครามตัวแทนของพรรการเมือง แต่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ควรจะเป็นพื้นที่ของคนที่สนใจลงมาบริหาร เพื่อที่จะให้ชาวกทม. ได้ประโยชน์มากที่สุด ...งานนี้ก็ต้องวัดใจคนกทม.ว่า จะเลือกคนอิสระจริงๆ หรือไม่
“สกลธี ภัททิยกุล” เป็นอีกคนที่เพิ่งลาออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม.เมื่อไม่กี่วันก่อน เพื่อลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.
สำหรับ “สกลธี” นั้นเป็นลูกชายคนโตของ “พล.อ.วินัย ภัททิยกุล” อดีตเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ก่อนรับตำแหน่งเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. เคยเป็นอดีต ส.ส.กทม.เขต 4 ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนลาออกมารับตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และถูกส่งไปเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.
ส่วนจะลงในนามอิสระ หรือมีพรรคพลังประชารัฐเป็นแบ็ก รออีกไม่กี่วันคงมีความชัดเจน แต่โดยส่วนตัวแล้ว เขาเห็นว่าการลงสมัครในนามอิสระ จะตอบโจทย์นโยบายที่จะใช้ในการหาเสียง และการทำงานในอนาคตมากกว่า รวมทั้งยังเป็นการเปิดกว้างที่จะเชิญชวนผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้าร่วมงาน โดยไม่ติดโควตาพรรค
อีกคนที่มีแนวโน้มว่าเอาแน่ แต่ยังไม่เปิดตัว เพราะอยู่ในตำแหน่งอยู่แล้ว...เขาคือ “ผู้ว่าฯ อัศวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม.คนปัจจุบัน ที่ดูแล บริหารงานกทม. มายาวนานพอๆ กับ “รัฐบาลลุงตู่”
ตอนนี้ก็รอเพียงแค่ให้ กกต.ประกาศวันเลือกตั้ง และวันรับสมัครออกมาก่อน เชื่อว่า จะได้เห็น “ผู้ว่าฯ อัศวิน” ลาออก เพื่อลงเลือกตั้งเป็นแน่ เพราะทีมงาน ส.ก.ก็เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว
ก็ต้องจับตาว่าในบรรดาว่าที่ผู้สมัครที่กล่าวมานี้ กับเวลาประมาณ 2 เดือน ในการลงพื้นที่หาเสียง ใครจะมีคะแนนนิยมขึ้นมาเบียด “เต็ง 1 ตลอดกาล” อย่าง “ชัชชาติ” ได้บ้าง