ข่าวปนคน คนปนข่าว
** "บิ๊กปั๊ด"คุมเอง จบแบบคาใจทู๊กที! จากคดีน้องชมพู่ -ตร.ภาค6-ผู้กำกับโจ้ หรือจะมาถึงคดีแตงโม?
ความคืบหน้าการคลี่คลายคดี “แตงโม นิดา” เสียชีวิต ตอนนี้ดูเหมือนเงื่อนปมข้อพิรุธต่างๆแทนที่จะกระจ่างขึ้นมาบ้างกลับยิ่งมีประเด็นใหม่ๆ ออกมาให้สังคมขบคิดมากขึ้น
นี่ต้องบอกว่า หนึ่งนั้น เพราะคีย์สำคัญ "กลุ่มคนบนเรือทั้ง5" ที่จะไขปริศนาแห่งคดี สังคมยังเชื่อว่า ให้การไม่ตรงกับ "ข้อเท็จจริง" หรือไม่?
คล้ายๆที่ "เฮียชู" ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตเจ้าพ่ออ่าง ได้ออกมาคอมเม้นต์ เห็นทีกลุ่มคนบนเรือความซวยจะมาเยือนหากยังไม่พูดความจริงสักที ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่องนี้มีอยู่สามทางเลือกรอคนบนเรืออยู่ คือ "สู้ติดแน่ แพ้ติดนาน สารภาพติดแป๊บเดียว"
และ...อีกหนึ่งนั้น คือ พฤติกรรมของบิ๊กตำรวจ ที่ขณะนี้ ชาวเน็ตลงความเห็นว่า "น่าสงสัย" พอๆกับปมเงื่อนคดี ถึงกับมีคำพูดว่า ตร. มีหน้าที่เดียว คือออกข่าวที่แถลงเหมือนไม่แถลง เสียเวลาออกอากาศ ดู tiktok ยังมีประโยชน์กว่า!
งานนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เหตุที่พลเมืองชาวโซเชียลฯไม่เชื่อมั่น ไม่เชื่อถือตำรวจ เป็นเพราะ "บิ๊กปั๊ด" พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กระโดดเข้ามาคุมคดีแตงโมด้วยตนเอง หรือเปล่า
ตรงนี้ย่อมต้องมีที่มา อันว่า “พล.ต.อ.สุวัฒน์” เปิดไซเรนต์ออกโรงมาเมื่อไหร่ ย้อนดูคดีดังๆ ที่เป็นที่สนใจของสังคมที่ผ่านมา บทควรจะสรุปๆ แบบเข้าตากรรมการตอบข้อสงสัยได้ นอกจากผบ.ตร.พาออกทะเล ยังจบแบบคาใจทุกที
ดูอย่างคดี "น้องชมพู่" บ้านกกกอก ที่ "ลุงพล-ป้าแต๋น" กลายเป็นซูปตาร์ นั่นปะไร บิ๊กปั๊ด จัดให้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ คนยังจำได้เมื่อถึงจุดไปต่อไม่ได้สักที ก็ขอพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือวลีฝากไปถึงผู้ต้องหา "หนีเหนื่อยแล้วก็มอบตัวเถอะนะ" เล่นเอางวยงงกันไปเป็นแถว
แล้วยังมีคดีเลื่อนลั่นสั่นสะเทือนวงการยุทธจักรสีกากี อีก 2 คดี จากคดี "ตร.ภาค 6 จับยาไอซ์ " ที่มีตำรวจใหญ่เข้าไปพัวพัน จน “พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์” รอง ผบ.ตร. ทำบันทึกข้อความด่วนที่สุดถึง ผบช.ภ.6 ให้ชี้แจงกรณีไม่ทำตามคำสั่งให้ตั้งกรรมการสอบสวนนายตำรวจ 2 นายที่ถูกพยานคดีไอซ์ 1,500 ก.ก.ที่ถูกจับกุมได้ที่แม่สอด เมื่อปี 62 ให้การมัดแต่กลับไม่ปรากฏในสำนวนการสอบสวนส่งอัยการ
งานนั้น “บิ๊กปั๊ด” ก็กระโดดลงมาคุมเองแต่สุดท้ายคดีก็จบแบบคลุมๆ เครือๆ
มาถึงคดี "ผู้กำกับโจ้" ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหา “พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล” หรือผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ กว่าจะปิดคดี ผบ.ตร.ก็ถูกชาวโซเชียลฯตั้งวอร์รูมรุมถล่มอยู่นาน ยิ่งในวันที่ ผบ.ตร ตั้งโต๊ะแถลงข่าวจับกุมด้วยตัวเองก็ทำเอาชาวเน็ตหัวเราะไม่ออก ร่ำไห้ไม่ได้ กับท่าดี "เอ็นดู โจ้" ของ “บิ๊กปั๊ด” กลายเป็นคลิปที่ล้อเลียนของเกรียนโซเชียลฯ สนุกสนาน
พอมาถึง “คดีแตงโม” ที่สังคมให้ความสนใจติดตาม ตามล่าหาความจริง ชนิดอดตาหลับขับตานอน ด้วยสิ่งที่อยากจะเห็น คือ ความเป็นธรรม และ ความจริงจากคดี ที่คาดหวังไว้ว่า "แตงโมจะไม่ตายฟรี" ชาวโซเชียลฯไม่ว่าจะเป็น สายสืบ สายมโน ก็ต้องยอมรับว่า อย่างน้อยก็สร้างแง่คิด แง่มุมที่ตำรวจไม่ควรมองข้าม
หลายๆประเด็นที่ สายสืบ-สายมโนโซเชียลฯ ตั้งข้อสงสัย จนถูกเอามาขยี้-ขยายปมกัน เช่น พฤติกรรมและความสัมพันธ์ของคนบนเรือกับแตงโม -แก้วไวน์ หายไปไหน-โรงแรมและงานเอ็นฯ
หรือกระทั่ง การวิ่งล็อบบี้คนใหญ่คนโต "บิ๊กตำรวจ" วิ่งคดีช่วยเหลือผู้ต้องหา
มีแม้แต่มองถึง ทำไม? คดีคนตกน้ำเสียชีวิต คนอย่าง ผบ.ตร. ต้องมาคุมเอง โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ก็ไม่เว้นกระโดดลงมาสั่งกำชับคดีเช่นกัน
ต่างๆเหล่านี้ ยิ่งทำให้ "สายมโนโซเชียลฯ" จุดชนวนสงสัยเลยเถิดไปไกลมากในเวลานี้ว่า เจ้าหน้าที่กำลังทำตาม "ใบสั่ง" ใครหรือไม่?
คนๆนั้นต้อง "บิ๊ก" ขนาดไหน? หรือ จะเป็นใครที่รออยู่ที่โรงแรมนั้น ตามที่สายมโนโซเชียลฯพากันร่ำลือ หรือไม่ ?
สังคมกำลังบอกว่า อย่าได้ดูเบา บรรดา มโนโซเชียลฯ เหล่านี้เชียว แต่สำหรับตำรวจไม่คิดว่าเป็นประเด็น
ทุกๆอย่างในคดีแตงโม สังคมเคลืบแคลงกำลังคันยุบยิบในหัวใจ อยากจะรู้ความจริงให้สิ้นสงสัยในทุกปมประเด็น อยากให้แตงโมที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับสู่สุขคติได้ความเป็นธรรม แต่ก็ไม่แน่ใจในการทำงานตำรวจจะทำออกมาได้ดีแค่ไหน?
ขณะนี้ ดูเหมือนตำรวจ และ ผบ.ตร. จะมุ่งมั่นในหลักฐาน-พยานที่ทำอยู่ โดยที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ยังยืนยันว่า "พยานหลักฐานยังไม่มีอะไรมากกว่าอุบัติเหตุ"
เพราะฉะนั้น อย่าได้แปลกใจ จากคดีน้องชมพู่-ตร.ภาค6 จับยาไอซ์ มาผู้กำกับโจ้ ที่ ผบ.ตร.มาเองแล้วจบแบบคาใจ จะมีคนคิดหวาดหวั่น หรือความคลุมเครือคาใจแบบนั้นจะมาถึงคดีแตงโม?
งานนี้ขึ้นอยู่กับ ผบ.ตร.แล้วละ...เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้.!!
** 3ป.ร่วมดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล กระชับคำมั่น สัญญาใจ ก่อนฝ่าศึกใหญ่ที่ขวางหน้า
สถานการณ์การเมือง ทั้งจากปัจจัยภายใน ภายนอก โควิดที่ยังแพร่ระบาดไม่มีทีท่าจะลดลง สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่ส่อว่าจะยืดเยื้อ ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งทะยาน ราคาสินค้าอื่นๆขึ้นตามเป็นพรวน ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงปลายรัฐบาล อะไรอะไรเลยดูแย่ไปหมด
แย่แม้กระทั่งความสัมพันธ์ใน “พี่น้อง3ป.”ด้วยกันเอง และพรรคร่วมรัฐบาล ที่แม้จะพยายามบอกว่ายังรักกันเหนียวแน่น แต่ก็มีร่องรอยที่ฟ้องออกมาให้เห็นว่าไม่เป็นดังว่า
ไม่ว่าจะเป็นกรณี “ก๊วนผู้กองธรรมนัส” 18 เสียง ที่ได้รับไฟเขียวจาก “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้แยกออกไปตั้งพรรคเศรษฐกิจไทย และประกาศว่าจะโหวตหนุนรัฐบาลในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเท่านั้น หากเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ก็พร้อมจะโหวตสวน
กรณี “แรมโบ้อีสาน” เสกสกล อัตถาวงศ์ ลาออกจากการเป็นนสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ แล้วไปตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ไว้เป็นนั่งร้านให้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในการเลือกตั้งครั้งหน้า
หรืออย่างกรณีล่าสุดที่พรรคร่วมรัฐบาลจับมือกับฝ่ายค้านสกัด “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ให้นั่งประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น “ลุงป้อม”ประกาศเสียงดังฟังชัดว่าหนุน “ไพบูลย์”เป็นประธาน แต่สุดท้ายไปออกที่ “สาธิต ปิตุเตชะ”จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ฝ่ายค้านเป็นผู้เสนอชื่อ
แถมยังมีส.ว.บางคนที่โหวตไปทางเดียวกับฝ่ายค้าน ...อีกทั้งมีกระแสข่าวว่าเดียวนี้ ส.ว.นั้นแบ่งเป็นสาย “ลุงป้อม” กับสาย“ลุงตู่” ชัดเจนขึ้นทุกขณะ
เหล่านี้คือร่องรอยที่แสดงให้สังคมเห็นถึงความไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ใน “พี่น้อง3ป” รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาลอย่างประชาธิปัตย์ และ ภูมิใจไทย ก็เริ่มแข็งข้อกับ 3ป. ด้วย!!
การร่วมโต๊ะกินข้าว คือภาพที่จะแสดงออกถึงการเจรจาทำความเข้าใจ ดังนั้นเมื่อวันที่ 4มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจาก“ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เรียก “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน และ “กุลิศ สมบัติศิริ” ปลัดกระทรวงพลังงาน มาหารือ เรื่องราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ว่าจะรับมืออย่างไร
แล้วมื้อเที่ยงวันนั้น “ลุงตู่”ก็บึ่งไปที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อร่วมรับประทานอาหารกับ “ลุงป้อม” และ “ลุงป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ตามรายงานข่าวระบุว่า เมนูวันนั้นมี ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ข้าวหมกไก่ ผัดกุ้งกระเทียม โดย “ลุงป้อม” ได้เข้าครัว ลงมือทำผัดกุ้งกระเทียมด้วยตนเอง ทั้งยังได้ตักกุ้งกระเทียมให้กับ “ลุงตู่”เป็นพิเศษด้วย ...ก่อนกลับ “ลุงตู่” ยังได้สวมกอด”ลุงป้อม” แบบแนบแน่นด้วย
กระแสข่าวที่ตามมาหลังมื้อเที่ยงวันนั้นคือ “ลุงตู่”เริ่มรุกคืบกระชับอำนาจในพรรคพลังประชารัฐมากขึ้น
เสร็จจากมื้อเที่ยงระหว่างพี่น้อง 3 ป.แล้ว คราวนี้ก็ถึงคิว “ดินเนอร์”กับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งมีรายงานว่า วันนี้ (8 มี.ค.) “ลุงตู่” จะไปร่วมรับประทานอาหารค่ำ กับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่สโมสรราชพฤกษ์ ถนนวิภาวดี
ผู้ที่ร่วมโต๊ะกก็ประกอบด้วย “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง และเลขาธิการพรรคพปชร. “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย “วราวุธ ศิลปอาชา” รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา “ประภัตร โพธสุธน” รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาฯพรรคชาติไทยพัฒนา “จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์” รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคปชป. ส่วน“เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาฯพรรคปชป. แจ้งว่าติดธุระจึงไม่ได้เข้าร่วมงาน
หลังจากดินเนอร์ครั้งนี้แล้ว ทั้ง 3ป. และพรรคร่วมรัฐบาล จะกลับมากลมเกลียวกันมากขึ้น พร้อมที่จะฝ่าศึกซักฟอกที่จะมีขึ้นในช่วงเปิดสภาสมัยประชุมหน้าในเดือนพ.ค. เพื่อสู่เป้าหมายอยู่ครบเทอม ตามที่ตั้งใจไว้ได้หรือไม่ ต้องติดตาม
