xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ลุยเองถามเรียงตัว หนุนลากยาวครบเทอม !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ-อนุทิน ชาญวีรกูล-จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
เมืองไทย 360 องศา

อาจมองเป็นเรื่องที่ผิดปกติ ก็มองแบบนั้นได้เหมือนกัน กับการที่นัดระดับแกนนำระดับ “หัวกะทิ” ของพรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมวงดินเนอร์ ที่สโมสรราชพฤกษ์ ถนนวิภาวดีรังสิต ในช่วงค่ำวันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา ตามรายงานข่าวบอกว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้นายทหารคนสนิท โทรศัพท์นัดหมายพูดคุยกัน และเมื่อพิจารณาตามรูปการณ์แล้วเห็นว่า เป็น “วาระเร่งด่วน” แบบกะทันหันได้เหมือนกัน

ขณะเดียวกัน เมื่อสำรวจรายชื่อบุคคลที่ได้รับเชิญเข้าร่วม “ดินเนอร์” ในค่ำวันที่ 8 มี.ค. ก็ต้องบอกว่า เป็นคนสำคัญในแต่ละพรรคร่วมรัฐบาล เริ่มจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา

ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ มี นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส่วน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งว่า ติดธุระจึงไม่ได้เข้าร่วมงาน

ทั้งนี้ การร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำกับพรรคร่วมรัฐบาล ถือเป็นการเชิญหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค และทั้งหมดเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่มีรัฐมนตรีในรัฐบาลเท่านั้น

ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นพรรคขนาดเล็กอีกหลายพรรค และไม่มีโควตารัฐมนตรี ยังไม่ได้รับเชิญเข้าหารือ และร่วมรับประทานอาหารในคราวนี้ คาดว่า น่าจะเป็นอีกวงหนึ่งในโอกาสหน้าก็เป็นได้

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร เคยมีกำหนดการเชิญพรรคร่วมรัฐบาลร่วมรับประทานอาหารตั้งแต่ปลายปี 64 แต่ก็ต้องเลื่อนมาเนื่องจากสถานการณ์โควิด จนมาลงตัวในวันที่ 8 มี.ค. 65

ที่น่าสนใจก็คือ การให้สัมภาษณ์ของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา มองว่า การรับประทานอาหารร่วมกันครั้งนี้ เป็นสัญญาณที่ดีในการที่จะทำงานร่วมกันในการเตรียมพร้อมในทุกเรื่องในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้รับประทานอาหารและพบปะพูดคุยกันมาช่วงระยะเวลานานพอสมควรแล้ว จึงเป็นการทำความเข้าใจพบปะพูดคุยกันเป็นระยะ

นอกเหนือจากการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งการเชิญร่วมรับประทานอาหารกันครั้งนี้ ถือเป็นการที่ดีจะเป็นการพูดคุยนอกรอบปรับความเข้าใจ หรือหากมีประเด็นอะไรก็จะได้พูดคุยหารือกัน และในอนาคตข้างหน้าในการทำงานหากมีปัญหาอะไรเข้ามาก็จะได้ช่วยกันแก้

นายวราวุธ กล่าวว่า ส่วนตัวและในนามพรรคชาติไทยพัฒนา ยังไม่มีประเด็นใดเป็นพิเศษในการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งภาพรวมยังมีความมั่นใจในการทำงานของรัฐบาลอยู่ ไม่ได้มีประเด็นอะไร ซึ่งแน่นอนว่า ปัญหาของประเทศมีหลายประเด็นที่จะต้องแก้ไข เชื่อว่า เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรียังสามารถใช้กำลังในการแก้ไขปัญหาได้ ย้ำว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดียังไม่ได้มีปัญหาหรือคำถามที่จะให้กับนายกฯ เป็นการเฉพาะเจาะจง

ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า การรับประทานอาหารร่วมกันครั้งนี้ เป็นเพราะว่ารัฐบาลตอนนี้ระส่ำระสายนั้น นายวราวุธ ระบุว่า มีการคาดการณ์ตั้งแต่ปีแรกว่าจะระส่ำระสาย ซึ่งการทานข้าวกันในครั้งนี้ หากจะเป็นการส่งสัญญาณคาดว่า เป็นการส่งสัญญาณในการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาล ว่า อยู่ในเรือลำเดียวกัน หากว่าเครื่องยนต์กลไกที่มีส่วนไหนเสีย หรือมีส่วนไหนรั่ว ก็เป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะช่วยกันปะผุ ซ่อมแซม นำพารัฐนาวาลำนี้ไปให้ถึงฝั่ง นายวราวุธ มั่นใจว่า รัฐนาวาของรัฐบาล จะไปถึงฝั่งไม่เกิดการยุบสภาก่อนกลางคัน และท้ายที่สุดแล้วนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ที่เคาะเองว่าจะยุบ หรือไม่ยุบสภา แต่วันนี้ยังให้สัญญาณความมั่นใจอยู่ว่า ยังเดินหน้าเต็มที่ในการที่จะพาเรือลำนี้ไปถึงฝั่ง

และกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาแสดงความเห็นว่า นายกรัฐมนตรีอาจจะยุบสภาหนีศึกซักฟอกของฝ่ายค้านนั้น นายวราวุธ เชื่อว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้คิดถึงประเด็นนั้น เพราะจากการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคการเมือง ยืนยันที่จะสนับสนุนนายกรัฐมนตรีอยู่ วันนี้ยังไม่มีประเด็นเรื่องการยุบสภาเข้ามาแต่อย่างใด ซึ่งการเช็กเสียงในสภา มีการพูดคุยกันทุกเช้าวันอังคารอยู่แล้ว ว่าการทำงานในคณะรัฐมนตรี มีความมั่นคงมั่นใจอย่างไร ซึ่งการรับประทานอาหารเย็นร่วมกันในวันนี้ ถือเป็นการกระชับมิตรในระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลกันมากกว่า

คำพูดดังกล่าวของ นายวราวุธ แกนนำจากพรรคชาติไทยพัฒนา ถือว่าเป็นการพูดในลักษณะยอมรับความจริงในทำนองว่า เป็นการพูดคุยเพื่อ “กระชับความสัมพันธ์” ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี เพื่อทุกอย่างเดินต่อไปได้ตลอดรอดฝั่ง หรือการอยู่ครบเทอม เนื่องจากยังมีภารกิจสำคัญข้างหน้าหลายอย่างรออยู่ แต่ขณะเดียวกัน เมื่อสำรวจตามความเป็นจริงแล้ว ถือว่าเวลานี้ “เสถียรภาพ” ของรัฐบาลดูแล้วไม่ค่อยมั่นคงนัก เมื่อมองจากความแตกแยกภายในพรรคพลังประชารัฐ และการแตกตัวออกไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทยของ กลุ่มร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เพราะทำให้เสียงสนับสนุนต่อรัฐบาล โดยเฉพาะต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เกิดความไม่แน่นอนทันที และเมื่อตัดเสียงของกลุ่มนี้ออกไป 18 เสียง ก็ทำให้เสียงของรัฐบาลปริ่มน้ำทันที อีกทั้งยังมีพรรคร่วมรัฐบาลขนาดเล็กบางพรรคที่ยังเอาแน่นอนไม่ได้เต็มร้อย หรือแม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค เช่น ประชาธิปัตย์ ที่มีบางคนยังท่าทีแปลกแยกออกไป

ไม่เว้นแม้แต่พรรคพลังประชารัฐเอง ที่แม้ว่านาทีนี้จะยอมรับว่า บรรยากาศความขัดแย้งลดลงกว่าเดิม แต่ก็นั่นแหละ มันก็ยังไม่ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่ดี

และที่น่าสังเกตก็คือ งานเลี้ยง “ดินเนอร์” แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลครั้งนี้ เป็นการเคลื่อนไหวของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยตรง ซึ่งก่อนหน้านี้ งานแบบนี้มักจะมอบหมายให้ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นคนดำเนินการ และก่อนหน้านี้ ก็มีการเตรียมการมาก่อนแล้ว เมื่อตอนปลายปีที่แล้ว แต่ก็ต้องเลื่อนมาไม่มีกำหนด โดยอ้างเรื่องโรคระบาดโควิด

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาตามรูปการณ์แล้ว การปิดห้องคุยกันครั้งนี้ มันก็เหมือนกับการ “เปิดอก” คุยกัน ใครมีปัญหาคาใจแบบไหน ก็ให้บอกมา แต่จะว่าไปแล้วเมื่อสำรวจความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลโดยรวมแล้วก็ถือว่ายังราบรื่นดี ยังไม่เห็นปัญหาที่เป็นแบบร้าวฉานรุนแรง แต่หากต้องทำให้หวั่นไหว ก็น่าจะมาจากพรรคพลังประชารัฐนั่นแหละ ว่าจะเอาอยู่หรือไม่

ขณะเดียวกัน งานนี้เพื่อ “ประกันความชัวร์” ในระดับที่ต้องการความมั่นใจ ก็ต้องเค้นถามเรียงตัวว่ายังต้องการ “ร่วมกันไปต่อ” หรือไม่ เพราะนาทีนี้ไม่ต้องไปคาดหวังกับเสียงสนับสนุนของ กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จากพรรคเศรษฐกิจไทย เพราะเขาประกาศไม่สนับสนุนชัดเจนแล้ว เพราะไม่มีการรับปากมั่นเหมาะ ก็อาจทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้มีเวลา “ตัดสินใจ” ก่อนเปิดสภา หรืออย่างน้อยก็ก่อนที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ และบรรจุเข้าระเบียบวาระ แต่เชื่อว่า “บนโต๊ะกินข้าว” น่าจะชื่นมื่น คงไม่มีใครอยากให้ยุบสภาแน่นอน!!


กำลังโหลดความคิดเห็น