xs
xsm
sm
md
lg

ลมหายใจสุดท้าย “ทักษิณ”? จับโป๊ะ “โทนี่ขี้ลืม” ส่งทหารไปรบอิรัก สิ้นบารมีเสียพื้นที่อีสานให้ “เจ๊หน่อย-ธนาธร”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ จับโป๊ะ “โทนี่ขี้ลืม” โม้เอาสวยไม่ได้ส่งทหารไทยช่วยสหรัฐฯรบอิรัก ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
จับโป๊ะ “โทนี่ขี้ลืม” โม้เอาสวยไม่ได้ส่งทหารไทยช่วยสหรัฐฯ รบอิรัก ความจริงคนละเรื่อง “ไพศาล” แฉกลับจนหงายเงิบ เอาล่ะสิ ฤาว่า “ทักษิณ” สิ้นบารมีจริง “หญิงหน่อย-ธนาธร” รุกหนักแย่งฐานเสียง พท.ในอีสานเมามัน

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (4 มี.ค.) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น แหกหน้า “โทนี” โม้ไม่ได้ส่งทหารไทยช่วยสหรัฐฯ รบอิรัก! ความจริงคนละเรื่อง แถมโดนแฉกลับ

โดยระบุว่า กรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมเสวนาในรายการ รายการ CARE Talk x CARE ClubHouse ตอน “ไทยแลนด์แสนวิกฤต” โควิดยังไม่ซา เอาอีกแล้วหว่า รัสเซีย-ยูเครน วิเคราะห์สถานการณ์ต่างประเทศ และผลกระทบต่อไทย ว่า วันนี้ไทยอาจจะมีความใกล้ชิดกับรัสเซียมากกว่ายูเครน แต่ไทยต้องวางตัวให้เหมาะสมว่าจะยังไง ถึงแม้จะไม่กล้าประณาม แต่ก็ต้องยืนยันในหลักการที่ไม่ฝ่าฝืนต่อกฎบัตรสหประชาชาติ

“ถึงแม้เป็นเพื่อนกันก็ต้องเข้าใจว่า ผมไม่ได้ประณามคุณนะ แต่คุณควรจะเคารพกฎบัตรสหประชาชาติ การเจรจาทางการทูตเป็นสิ่งที่โลกต้องดำเนินการด้านนี้ต่อไปไม่ใช่สงคราม เพราะเมื่อเกิดสงคราม ผลตามมาคือ ความสูญเสีย คนพลัดถิ่น ความยากจนลำบาก”

นายทักษิณ กล่าวต่อด้วยว่า เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อไทย ในเรื่องเงินเฟ้อแน่นอน ค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า แพงขึ้น ต้นทุนของไทยที่ต้องนำเข้าพลังงาน สูงขึ้นแน่นอน การเงินที่แซงก์ชันของรัสเซียไป ก็อาจไม่มีผลโดยตรง แต่เป็นการทำให้ เร่งการเติบโตของคริปโต ไทยควรเป็นคริปโต เฟรนด์ลี่เนชั่น หลายที่เริ่มแล้ว สิ่งที่จะยิ่งใหญ่ที่สุด ที่จะเกิดขึ้นคือ Globla token exchange จะเกิดขึ้นแน่นอน

นายทักษิณ ยังเล่าให้ฟังว่า ตอนที่อเมริกาบุกอิรัก สมัยนั้นตนก็สนิทกับ จอร์จ บุช เขาเคยขอให้ตนส่งทหารไปช่วย ตนบอกว่าทำไม่ได้ เพราะไม่เห็นด้วยกับการเข้าไปรุกรานประเทศอื่น สิ่งที่ต้องทำคือส่งช่างและพยาบาลไปช่วยหลังจากที่สงครามสงบแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน

ภาพ นายไพศาล พืชมงคล ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ล่าสุด นายไพศาล พืชมงคล โพสต์ข้อความระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า ลุงโทนี่ขี้ลืม

1. เมื่อครั้งสหรัฐฯ บุกยึดอิรัก ประธานาธิบดี บุช ซึ่งสนิทกับคุณโทนี่ ได้ขอให้รัฐบาลไทยจัดส่งทหารไทยไปช่วยรบในอิรัก ซึ่งคุณโทนี่ก็รับปากจัดส่งทหารไปอิรัก กลับถึงเมืองไทยก็สั่งการให้ลุงจิ๋ว ซึ่งเป็นรองนายกฯ ด้านความมั่นคง และรัฐมนตรีกลาโหม จัดการตามที่รับปากกับสหรัฐฯ

2. ลุงจิ๋วทราบเรื่องก็แทบตกเก้าอี้ เพราะรู้ดีว่าเป็นแผนร้ายที่จะทำให้ไทยทะเลาะกับมุสลิมทั้งโลก ซึ่งเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของไทยอย่างยิ่ง ครั้นจะไม่ส่งทหารไปอิรักก็ไม่ได้ เพราะนายกฯไปรับปากเขาแล้ว และเขาก็กดดันอย่างหนัก เหมือนกับที่ถูกกดดันให้ประณามรัสเซียตอนนี้แหละ แต่จะส่งทหารไทยไปรบก็ไม่ได้ เพราะไทยจะเป็นศัตรูกับมุสลิมทั้งโลก (เพราะอิรัก เป็นดินแดนแห่งอิสลาม เป็นที่ตั้งศาสนสถานสำคัญ 1 ใน 3 ที่ใครรุกรานแล้วจะเป็นเงื่อนไขให้มุสลิมทุกคนทำสงครามศาสนาหรือ จีฮัด) ลุงจิ๋วจึงต้องแก้กลอำมหิตครั้งนั้นอย่างลึกซึ้ง

3. การแก้เกมอำมหิตนั้น ได้รับการช่วยเหลือจากท่านผู้นำสูงสุดชีอะอาเซียน คือ ท่านหุจลตุลเลาะห์ ซัยยิดสุไลมานฮูซัยนี ช่วยประสานงานกับท่านผู้นำสูงสุดแห่งอิหร่าน ท่านอะยาตุลเลาะห์ไซยิดอาลีคาเมนี ซึ่งปีนั้นท่านเป็น “ประธานสภาผู้นำศาสนาอิสลามโลก” โดยลุงจิ๋วต้องรับรองว่าทหารไทยไปอิรัก เพียงเพื่อไปช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

“ปืนทุกกระบอก อาวุธทุกชิ้นของทหารไทยจะไม่ทำร้ายชาวอิรัก” (เป็นหลักการทางศาสนาที่จะทำให้มุสลิมทำร้ายทหารไทยไม่ได้)

ท่านผู้นำสูงสุดจึงออกคำฟัตวา ว่า “ทหารไทยไปอิรักในฐานะอุ้งหัตถ์ของพระเจ้า ห้ามมุสลิมทุกคนทำร้ายทหารไทย”

คำฟัตวานี้ได้ประทับด้วยหัวแหวน ของพระศาสดานบีมูฮัมหมัดที่ตกทอดมายังท่านผู้นำสูงสุด(ซึ่งเท่ากับ
ตราลัญจกร)
ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปตามข้อตกลง ลุงจิ๋วจึงต้องตั้งให้นายทหารคนสนิทที่ไว้วางใจจากหน่วยรบพิเศษลพบุรี (ผมจำชื่อจริงแกไม่ได้แล้ว-ช่วยรายงานตัวหน่อย) เป็นผู้บังคับบัญชาของทหารไทยไปอิรักครั้งนั้น ทหารไทยจึงปลอดภัยและนายกไทยก็ไม่เสียคำสัญญากับท่านประธานาธิบดีบุชด้วย

ดังนั้น ที่คุณโทนี่บอกว่า ไม่ได้ส่งทหารไทยไปอิรัก จึงคลาดเคลื่อนจากความจริง และในครั้งนั้นเราก็ไม่ได้ส่งวิศวกร และ หมอ ไปอิรัก นอกจากทหารเสนารักษ์ และทหารช่าง ประจำหน่วย คุณโทนี่คงจำไม่ได้หรอกว่าได้สั่งการรัฐมนตรีต่างประเทศ สุรเกียรติ์ ให้จัดงบประมาณ เป็นค่าเครื่องบินและใช้จ่ายให้คณะประสานงานในการเดินทางไปประสานงานกับอิหร่านในการประสานงานครั้งนั้น!!!

เรื่องนี้ เป็นความจริงในประวัติศาสตร์ของชาติไม่ใช่เรื่องที่พูดเอาสวยได้ ดังนั้น ใครทำอะไรไว้กับบ้านเมืองในตอนนี้ก็จงสำเนียกไว้เถิดว่า วันหนึ่งคนข้างหลังเขาจะก่นด่าสาปแช่งอย่างไร

ภาพ “หญิงหน่อย-ธนาธร” รุกหนักทำคะแนนคนอีสาน จากทักษิณ พท. ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น ถึงเวลาทักษิณสิ้นบารมี! “หญิงหน่อย-ธนาธร” รุกหนักทำคะแนนช่วยคนอีสาน ฟาดฟันเดือด ไล่บี้แย่งชิงฐานเสียงเพื่อไทย!?

เนื้อหาระบุว่า ถือว่าเป็นประเด็นทางการเมืองที่ต้องจับตาต่อเนื่อง และติดตามความเคลื่อนไหวของหลายๆ พรรคการเมือง ที่กำลังเร่งทำคะแนน แย่งชิงพื้นที่ฐานเสียงให้กับพรรคตัวเอง ให้ได้มากที่สุด และพื้นที่น่าจับตามองมากที่สุด คือ โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสาน ที่คอการเมืองรู้กันดีว่า ที่นี่คือฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย

และเป็นฐานเสียงที่เคยชื่นชอบในตัวนายทักษิณ อดีตนายกฯอย่างมาก แม้ว่านายทักษิณ จะพยายามคุมเกมทิศทางของพรรค ส่งลูกสาวเข้ามาร่วมงานให้มีบทบาทในพรรค ในตอนแรกนั้น ต้องยอมรับว่า ได้กระแสตอบรับค่อนข้างดี และมีการคาดเดาว่า ลูกสาวของนายทักษิณ จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ

ต่อมา นายทักษิณ ได้พูดผ่านรายการทางคลับเฮ้าส์ ทำนองกล่าวถึงการตั้งชื่อพรรค ว่า ทำไมต้องมีอะไรสร้างๆ คือ พวกพรรคเนี่ยชอบตั้งชื่อซ้ำกัน มีแต่คำว่า สร้าง สร้างนั่นสร้างนี่ ผมถามหน่อยเถอะ พวกคุณทำชาติพังแล้วใช่ไหมถึงต้องมาสร้างเนี่ย และหนึ่งในนั้นมีพรรคของคุณหญิงสุดารัตน์ ที่ใช้ชื่อว่า ไทยสร้างไทย

แน่นอนว่า พรรคไทยสร้างไทย ก็กำลังมาแรงในพื้นที่ภาคอีสาน เมื่อพรรคได้ลงพื้นที่จังหวัดยโสธร ชูนโยบายพร้อมช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเต็มที่ เน้นช่วยเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา และย้ำว่า ชาวบ้านต้องหายจน หมดหนี้ มีรายได้ตลอดทั้งปี นับว่าเป็นนโยบายจับต้องได้ เอาใจคนรากหญ้า และที่สำคัญ ยังมีการเปิดตัวผู้สมัครหน้าใหม่ ไฟแรง เน้นคนรุ่นใหม่มาทำงาน ทำให้ชาวบ้านต่างให้ความสนใจ และจะชูคุณหญิงสุดารัตน์เป็นแคนดิเดตนายกฯ

ภาพ “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ขณะลงพื้นที่หาเสียง ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ล่าสุด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้ลงพื้นที่ไปยังจังหวัดร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ให้ความรู้ คำแนะนำ เพื่อใช้ในการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ขยะมูลฝอย กิจการประปา การบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว การบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐาน โดยจะพบว่าคณะก้าวหน้าและทีมงานพรรคก้าวไกล ไปลงพื้นที่บ่อย หลังภายได้เก้าอี้อบต.ในร้อยเอ็ด 8 ที่นั่ง งานนี้ต้องบอกว่า ทั้งไทยสร้างไทย และคณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกล แย่งกันทำคะแนนกับพี่น้องภาคอีสานอย่างหนัก จึงไม่น่าแปลกใจที่ทั้ง 2 พรรคจะได้ใจพี่น้องชาวอีสานบางส่วนมาครอบครองไว้เป็นฐานเสียงให้พรรคตัวเอง

แต่อย่างไรก็ตาม การแย่งชิงพื้นที่ฐานเสียงเดิมของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าบารมีของนายทักษิณอาจจะถึงเวลาหมดยุคแล้ว และอยากให้คนรุ่นใหม่เข้ามาพัฒนาในพื้นที่ ถือว่าทั้งไทยสร้างไทย และพรรคก้าวไกล กลายมาเป็นคู่แข่งที่เพื่อไทยไม่อาจจะประมาทได้

ภาพ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ขณะลงพื้นที่หาเสียง ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
แน่นอน, ทั้งสองเรื่องเกี่ยวกับ “ทักษิณ” โดยตรง เรื่องแรก นี่แหละพะยี่ห้อ “ทักษิณ” พูดเป็นน้ำไหลไฟดับ ถ้าไม่เล่นเกมการเมือง ฉวยโอกาสโจมตีคู่แข่ง คู่ขัดแย้งทางการเมือง ดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม ก็จะเป็นการอวดตัว อวดรู้ อวดผลงาน ส่วนที่ถนัดไม่เบาก็คือ การพูดเอาสวยให้ตัวเอง ทำเป็นหลงเป็นลืมอย่างเนียนๆ เรื่องที่ตัวเองผิดพลาด โดยคิดว่าคนอื่นจะรู้ไม่ทัน และรู้ก็ไม่กล้าพูด จนสุดท้ายถูกจับโป๊ะ และแฉจนหงายเงิบ อย่างเรื่องส่งทหารไทยไปรับที่อิรัก

ส่วนเรื่องบารมีทางการเมืองในพื้นที่อีสาน ที่ถูกวิเคราะห์ว่า สิ้นบารมีแล้วนั้น

ประเด็นอาจอยู่ที่ว่า เนื่องจาก “ทักษิณ” และ “ยิ่งลักษณ์” ซึ่งเป็นเสมือน “นายใหญ่” ของพรรคเพื่อไทย และมีอิทธิพลอย่างมากต่อพรรคเพื่อไทย ยังอยู่ต่างประเทศ และห่างไกลฐานเสียงเป็นเวลานาน

ขณะที่พรรคเพื่อไทยเอง ก็เริ่มกระแสตก อยู่ในช่วง “ขาลง” เพราะไม่ได้เป็นรัฐบาล ส.ส.ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เกาะติดพื้นที่เหมือนเดิมสมัยที่ยังรุ่งเรือง แถมการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา ก็เห็นได้ชัดว่า พ่ายให้กับฝ่ายรัฐบาลหลายครั้ง โดยเฉพาะ สนามเลือกตั้งใหญ่อย่าง ขอนแก่น จึงเห็นได้ชัดว่า กระแสทักษิณ และพรรคเพื่อไทยเสื่อมมนต์ขลังจริง

สำหรับ “ทักษิณ” การออกมาเคลื่อนไหวอย่างหนักในเวลานี้ ก็ดูเหมือนไม่ได้ส่งผลอะไรมากนักกับการกอบกู้กระแสพรรคเพื่อไทยขึ้นมาได้อย่างทันตาเห็น หรือเป็นที่พูดถึงในระดับพื้นที่ แม้อาจมีกระแสในโลกโซเชียลก็ตาม และเรื่องที่พูด ส่วนใหญ่ก็ยากที่ส.ส.หรือหัวคะแนนจะนำไปขยายผลได้

ยิ่งกว่านั้น กระแส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้ถูกคนรุ่นใหม่ และโลกโซเชียลโจมตี แต่ทว่า โลกแห่งความเป็นจริง พบว่าชาวบ้านอีสาน เริ่มนิยมชมชอบขึ้นมาเป็นลำดับ ถือว่าอยู่ในช่วง “ขาขึ้น” เนื่องจากนโยบาย “ประชานิยม” ของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ธรรมดา โดนใจคนอีสานไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะเงินช่วยเหลือช่วงโควิด และนโยบายคนละครึ่ง

รวมถึงข่าวดีเรื่องความสัมพันธ์กับ “ซาอุฯ” เพราะนั่นหมายถึง โอกาสที่คนอีสานจะได้ไปทำงาน “ซาอุฯ” และกอบโกยเงินกลับบ้านเหมือนในอดีต เป็นความหวังความฝันไม่แพ้อยากให้ “ทักษิณ” กลับมากอบกู้เศรษฐกิจ ก็ว่าได้

ด้วยเหตุนี้ หากไม่นับพรรคฝ่ายรัฐบาล เมื่อประตูภาคอีสานเปิดกว้างทางการเมือง พรรคการเมืองใหม่ อย่าง พรรคไทยสร้างไทย ของ “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และพรรคก้าวไกล ของ คณะก้าวหน้า และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จึงมีความหวัง และทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อแย่งชิงฐานการเมืองพรรคเพื่อไทย

และหากบารมี “ทักษิณ” หมดสิ้นจริง? โอกาสที่สนามเลือกตั้งภาคอีสานจะเปลี่ยนไป จนมีส่วนแบ่งทางการเมืองมากขึ้น ก็ถือว่าไม่น่าแปลกใจ

เหนืออื่นใด คือ การปั้นทายาททางการเมืองคนที่สาม อย่าง “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กนายทักษิณ ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย เป็น “นายกรัฐมนตรี” ก็อาจยากที่จะเป็นไปได้ด้วย?

นั่นหมายถึงความฝันที่จะพา “ทักษิณ” กลับบ้าน ก็แทบปิดประตูตายตามไปด้วย นี่คือ ลมหายใจสุดท้ายทางการเมืองของ “ทักษิณ” ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์พลิกความคาดหมายครั้งใหญ่ ไม่เชื่อคอยดู!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น