xs
xsm
sm
md
lg

ศึกรัสเซีย-ยูเครน กระแทก “บิ๊กตู่” จังเบอร์ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เมืองไทย 360 องศา

หากจะบอกว่า สำหรับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในช่วงนี้ ยังถือว่า “โชคยังไม่เข้าข้าง” ต้องมีเหตุให้พบกับปัญหาอุปสรรคระดับ “บิ๊กเบิ้ม” เข้าใส่แบบต่อเนื่อง จนแทบไม่มีเวลาหายใจหายคอกันเลยทีเดียว

ในตอนแรกเชื่อว่า สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่เริ่มจะคลี่คลายและควบคุมได้ แม้ว่าจะมีสายพันธุ์ใหม่อย่าง “โอมิครอน” ที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อกลับมาพุ่งสูงอีกครั้งก็ตาม แต่ด้วยระดับความรุนแรงก็ยังถือว่าไม่น่ากลัวนัก เมื่อเทียบกับสายพันธุ์ “เดลตา” ก่อนหน้านี้ ที่ทำให้มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก

ด้วยความมั่นใจว่า สามารถควบคุมสถานการณ์โรคระบาดได้ในไม่ช้า ทำให้เริ่มมีการปรับมาตรการเพื่อรองรับการเปิดประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านการท่องเที่ยว การเปิดชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งแนวโน้มในทางบวกที่ว่านี้ เริ่มมีมาตั้งแต่ในช่วงไตรมาสสี่ปีที่แล้ว ที่อัตราการขยายทางเศรษฐกิจที่ดีเกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ นั่นคือ ขยายตัวถึงร้อยละ 1.6 จากเดิมที่คาดว่าโตร้อยละ 1.2 ทำให้ทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีการคาดหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2565 เป็นร้อยละ 3.5-4

ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็แสดงความมั่นใจว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้ต้องโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 แน่นอน เพราะทุกอย่างมีแนวโน้มในทางบวกทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่หลายประเทศคลายมาตรการควบคุม พร้อมเปิดทางให้พลเมืองมีการเดินทางข้ามแดนกันได้แล้ว ราคาพลังงานที่คาดกันว่าจะไม่สูงเกินไปนัก อีกทั้งความสัมพันธ์กับประเทศซาอุดีอาระเบียที่เคยหมางเมินมานานกว่าสามสิบปี ก็สามารถกลับมาฟื้นความสัมพันธ์ในระดับปกติ มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับผู้นำกันตามมาในปีนี้ เรียกว่า กำลังไปได้สวย

นอกเหนือจากนี้ ยังมีโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย ทั้งที่เป็นโครงการของรัฐที่เร่งการอัดฉีดงบประมาณใช้จ่ายจำนวนมาก มาตรการกระตุ้นทั้งโครงการ คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น ที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง สรุปในภาพรวมๆ ก็คือ ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว มีการคาดหมายว่าเศรษฐกิจจะขยายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปีนี้ที่น่าจะเห็นหน้าเห็นหลัง แม้ว่าในช่วงต้นปีเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่เริ่มเจอกับภาวะน้ำมันแพง สินค้าราคาแพง เกิดภาวะเงินเฟ้อ จนสร้างแรงกดดันให้กับรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่น้อย โดยเฉพาะเกิดเสียงโจมตีจากการเมืองฝ่ายตรงข้าม ที่ฉวยโอกาสดิสเครดิตขย่มให้จมดิน หลังจากที่ผ่านมา ต้องเจอกับสภาพความแตกแยกในพรรคพลังประชารัฐ และภาพความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลผสมที่ดูง่อนแง่นเต็มที

แต่เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มที่ออกมาดีและเป็นบวกดังกล่าว ทำให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความมั่นใจมากขึ้นว่าในช่วงปีนี้จะสร้างผลงานในเวลาที่เหลือเพื่อเรียกเรตติ้ง ให้กลับคืนมาได้บ้าง

อย่างไรก็ดี ที่วาดหวังเอาไว้ทำท่าพังทลายในพริบตา หลังจากที่ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เปิดปฏิบัติการทางทหารบุกเข้าประเทศยูเครน ก่อให้เกิดวิกฤตโลก และยิ่งสถานการณ์ยืดเยื้อนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับประเทศไทย ที่คาดว่า กำลังจะเริ่มโงหัวขึ้นมาจากวิกฤตโรคระบาดโควิดได้เพียงไม่กี่อึดใจ ก็ต้องมาเจอกับวิกฤตใหม่ จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน อีกในเวลานี้ และที่เลี่ยงไม่พ้น ก็คือ ราคาพลังงานและน้ำมันที่ต้องพุ่งสูงขึ้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบพุ่งทะลุเกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐแล้ว สิ่งที่ต้องตามมาอีก ก็คือ ภาวะเงินเฟ้อ นั่นคือ ข้าวของแพงจะเกิดขึ้นซ้ำเติมอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ จะเริ่มคลี่คลายลงไปได้บ้างแล้ว

แน่นอนว่า นี่คือ วิกฤตที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพราะเป็นวิกฤตโลก ทุกประเทศย่อมต้องได้รับผลกระทบ แม้ว่าประเทศไทยจะอยู่ห่างไกล ไม่ใช่ประเทศในยุโรป ไม่ได้ร่วมอยู่ในวิกฤตดังกล่าว แต่ก็ไม่อาจเลี่ยงได้พ้น และในอนาคตก็ยังไม่รู้อีกว่าเราจะถูกบังคับให้ต้องร่วม “คว่ำบาตร” ประเทศรัสเซีย ไปกับประเทศตะวันตกหรือไม่ เหมือนกับก่อนหน้านี้ ที่มีการบังคับทุกประเทศให้คว่ำบาตรประเทศอิหร่าน และเกาหลีเหนือ ห้ามการติดต่อค้าขาย ซึ่งหวังว่าสถานการณ์คงไม่เลวร้ายแบบยืดเยื้อ

อย่างไรก็ดี เมื่อวันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เรียกประชุมด่วน รัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำเนียบรัฐบาล เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน เป็นต้น เพื่อเตรียมรับมือถึงสถานการณ์ดังกล่าว

โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปิดเผยในเวลาต่อมา ว่า ได้เตรียมรับมือสถานการณ์ไว้สามระดับ โดยขณะนี้ยังถือว่าอยู่ในระดับที่หนึ่งยังอยู่ในขั้นเตรียมพร้อม อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในเวลานี้ถือว่าส่อเค้ายืดเยื้อ และแน่นอนว่าต้องส่งผลกระทบกับโลก และเศรษฐกิจของไทยอย่างแน่นอน ซึ่งในปัจจุบันอยู่ในภาวะย่ำแย่อยู่แล้วให้แย่หนักลงไปอีก จากเดิมที่พอมีความหวังว่าจะพอโงหัวขึ้นมาได้บ้าง กลับต้องมากลับมาเจอวิกฤต รัสเซีย-ยูเครน ซ้ำเติมเข้ามาอีก

ขณะเดียวกัน สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ก่อนหน้านี้ พอเริ่มมีความหวังจะได้สร้างผลงานในช่วงโค้งสุดท้าย เมื่อมาเจอกับวิกฤตใหม่แบบนี้ ถือว่า หนักเอาการ และอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้จะได้เห็นสีหน้าและอารมณ์ของเขาไม่ได้สดชื่นเหมือนก่อนหน้านี้ หลายครั้งที่มีอารมณ์ขุ่นมัว หน้าตาหมองคล้ำเหมือนกับลักษณะการอดนอน ร่างกายผ่ายผอม ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า น่าจะเกิดจากความเครียดที่ต้องโหมงานหนัก ดังนั้น หากจะบอกว่า วิกฤต รัสเซีย-ยูเครน คราวนี้กระแทกเข้าใส่เขาอย่างจัง และทำท่าหนักเอาการไม่แพ้วิกฤตโควิด เพราะเป็นการกระแทกซ้ำในภาวะที่กำลังอ่อนแออยู่แล้วนั่นเอง !!



กำลังโหลดความคิดเห็น