“รัฐสภา” ถกแก้ กม.ลูกพรรคการเมือง ก้าวไกลปะทะฝีปาก พปชร. เรื่องมารยาททางการเมือง
วันนี้ (25 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.53 น. ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 7 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง เพื่อพิจารณาเรื่องด่วนเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่… ) พ.ศ…. จำนวน 6 ฉบับ ต่อเป็นวันที่สอง โดยมี นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ซึ่งเมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) ผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่… ) พ.ศ…. ได้นำเสนอเหตุผลและหลักการทั้ง 6 ฉบับเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งให้สมาชิกรัฐสภาอภิปรายแสดงความคิดเห็นไปบางส่วนแล้วนั้น และวันนี้ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาอภิปรายแสดงความคิดเห็นต่อ
ทั้งนี้ ก่อนเริ่มเข้าสู่วาระการประชุม นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นหารือว่า สืบเนื่องจากเมื่อคืนนี้ (24 ก.พ.) กรณีที่ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายเปรียบเทียบร่างทั้ง 6 ร่าง ทำให้เกิดการประท้วงและมีวิวาทะกันว่าสามารถที่จะอภิปรายเปรียบเทียบร่างอื่นที่ไม่ใช่ร่างของพรรคตัวเองเสนอได้หรือไม่ ซึ่งตนได้ตรวจดูข้อบังคับข้อที่ 87 ของข้อบังคับการประชุมรัฐสภานั้น บัญญัติว่าการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาระที่ 1 ให้รัฐสภาพิจารณาและลงมติว่าจะรับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้น ข้อบังคับเขียนไว้กว้างมากว่าสามารถพิจารณาได้ทุกร่าง ไม่ใช่เฉพาะร่างที่เฉพาะฝ่ายตนเองเสนอเท่านั้น หรือว่าร่างที่เป็นร่างของกฎหมายเดิมที่จะเปลี่ยนแปลง ซึ่งประธานที่ประชุมจะมีแนวทางอย่างไรในการพิจารณา เพราะยังไม่เคยมีประเพณีใดหรือการอภิปรายครั้งใดห้ามไม่ให้อภิปรายร่างใดร่างหนึ่งเปรียบเทียบกัน
ด้าน นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นกล่าวว่า ตนยืนยันว่า เมื่อคืนประธานที่ประชุมทำหน้าที่ได้เหมาะสมแล้ว เพราะต้องควบคุมการประชุม และเมื่อคืนตนเห็นด้วยว่าสมาชิกรัฐสภาไม่ได้ทำผิดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา แต่เป็นหน้าที่ประธานต้องควบคุมการประชุม เนื่องจากในมุมมองของพรรคร่วมรัฐบาล การนำร่างของพรรคร่วมรัฐบาลมาเปรียบเทียบกับร่างของพรรคก้าวไกลเพียงแค่สองร่าง ทั้งที่จริงๆ แล้ว เราพิจารณา 6 ร่าง ตนมองว่า มารยาททางการเมืองอาจจะดูไม่ดีสักเท่าไหร่ ตนยืนยันว่า หน้าที่ประธานต้องควบคุมการประชุม พยายามให้สมาชิกไม่ก้าวก่ายและให้เกียรติกัน เพราะนี่คือการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ซึ่งเรื่องมารยาทเป็นสิ่งสำคัญ
ทำให้ นายธีรัจชัย ลุกขึ้นใช้สิทธิประท้วง ว่า มีการพาดพิงและเสียดสีพรรคก้าวไกล มีการพูดถึงเรื่องมารยาททางการเมืองและการไม่สมควรในการอภิปรายทางการเมือง การทำหน้าที่รัฐสภา มารยาทกับการทำประโยชน์เพื่อประชาชนอันไหนสำคัญกว่า ถามว่าเรื่องนี้เราทำตามข้อบังคับรัฐสภาข้อที่ 87 ถามว่าผิดตรงไหน เป็นการกล่าวหา เสียดสี ใส่ความ
ทั้งนี้ นายพรเพชร ได้วินิจฉัยว่า การไปว่าไม่มีมารยาทเป็นคำพูดที่ไม่รุนแรงมาก เป็นการเปรียบเทียบเพื่อให้การประชุมรัฐสภาราบรื่น ไม่ถึงกับเป็นการกล่าวต่อว่ารุนแรง ส่วนที่นายพิจารณ์กล่าวถึงร่างของพรรคร่วมรัฐบาลก็มีสิทธิที่จะพูดได้ แต่เมื่อไปพาดพิงอีกฝ่าย เขาก็ย่อมมีสิทธิโต้แย้งโต้เถียง ตนจึงขอหาทางออกว่าท่านไปโต้แย้งกันในชั้นกรรมาธิการไม่ดีกว่าหรือ ดังนั้นเพื่อให้การพิจารณาของรัฐสภาราบรื่น ถ้าไปวิจารณ์เขา เขาก็วิจารณ์ตอบ โต้เถียงกันไปมา อย่าใช้ถ้อยคำรุนแรงต่อว่ากันเลย
นายธีรัจชัย ยังลุกขึ้นโต้แย้งต่อว่า ตนยังเข้าใจคาดเคลื่อนกับประธาน เรื่องการมีมารยาทเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ถ้ามีใครมาต่อว่าประธาน ว่า วินิจฉัยแบบนี้ไม่มีมารยาทบ้าง จะรู้สึกอย่างไร ทำให้นายพรเพชรต้องขอร้องว่า ยุติแค่นี้เถอะ แต่นายธีรัจชัยยืนยันขอให้ถอนคำพูด ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้มีกฎหมายเข้ามา 6 ฉบับ จะพูดถึงฉบับใดก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าพาดพิงบุคคลก็มีสิทธิโต้แย้ง ขอให้ประธานยึดหลักให้มั่น ก่อนที่นายพรเพชรพยายามควบคุมการประชุมให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อไม่ให้บรรยากาศเสีย