“โรม” จี้รัฐบาลตั้ง คกก.สางปมค้ามนุษย์ใหม่ ให้สอดรับข้อมูลอภิปรายตน ชี้ “3 ป.” มีเอี่ยว ลั่นต้องไม่ใช่รัฐบาลชุดนี้ ถึงจะแก้ไขได้
วันนี้ (22 ก.พ.) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 กรณีขบวนการค้ามนุษย์ ว่า หลังจากจบการอภิปรายจนถึงวันนี้ ตนยังไม่ได้รับคำอธิบายที่น่าสนใจ และคำอธิบายของรัฐบาลที่ผ่านมา ก็ไม่ต่างจากคำตอบเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา ที่ขอให้ พ.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ กลับประเทศไทย เพื่อสู้คดี โดยรัฐบาลควรมีสัญญาณที่ดีกว่านี้ เช่น ควรกลับไปพิจารณาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผู้ใดรู้บทบาทหน้าที่ และการค้ามนุษย์และขัดขวางการทำงานของ พ.ต.ต.ปวีณ หากรัฐบาลต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม ตนก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลต่างๆ แก่รัฐบาล
“รัฐบาลไม่มีการต่อยอดและนำสู่การขยายผล เช่น ประเด็นเรื่องการรับผิดชอบของกองทัพเรือ ในกรณีที่สามารถกับผู้เกี่ยวข้องได้ 1 คน หรือกรณีที่การทำงานของฝ่ายปกครอง ที่ปล่อยให้มีการขนคนจำนวนมาก เพื่อนำไปค้ามนุษย์ในเรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลมีความจริงใจในการปราบปรามเรื่องการค้ามนุษย์ ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาในประเด็นที่ตนได้อภิปรายไว้ โดยแต่งตั้งบุคคลที่สังคมให้ความเชื่อถือเข้ามาเป็นกรรมการ แต่ขณะนี้รัฐบาลกลับยืนกรานว่า ได้ดำเนินการไปแล้ว และขอให้ พ.ต.ต.ปวีณ กลับประเทศไทย แต่ใครจะกล้ากลับ ในเมื่อประเทศไทย ยังมีเรื่องการอุ้มหาย และการเสียชีวิตของข้าราชการน้ำดี
เมื่อถามว่า จะดำเนินการต่อไปอย่างไรในประเด็นที่อภิปรายเรื่องการค้ามนุษย์ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า มีหลายช่องทางให้ดำเนินการ เช่น ผ่านช่องทางกรรมาธิการ ซึ่งสามารถใช้ช่องทางนี้เพื่อสืบหาข้อมูลและความผิดปกติได้ แต่ต้องยอมรับว่า ช่องทางกรรมาธิการไม่เพียงพอที่จะทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่ในบรรยากาศที่ปลอดภัย หากจะเริ่มต้นกระบวนการที่ปลอดภัย อาจเริ่มต้นที่การเลือกตั้งใหม่ และต้องไม่ใช่รัฐบาลชุดนี้ เชื่อว่า ทั้ง 3 ป.มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เมื่อถามว่า มั่นใจได้อย่างไรว่า 3 ป. เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการค้ามนุษย์ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ข้อแรกคือ ไม่มีเหตุผลที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ จะสั่งย้าย พ.ต.ต.ปวีณ ซึ่งถือเป็นข้าราชการน้ำดีและเป็นมือ 1 ในการปราบปรามการค้ามนุษย์ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น รมว.มหาดไทย มานาน ดังนั้น จึงมีความคุ้นเคยกันดี ระหว่างหน่วยงานปกครอง จึงเป็นไปไม่ได้ที่การขนย้ายชาวโรฮิงญา หน่วยงานปกครองจะไม่ทราบเรื่องนี้ และในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นบุคคลที่จะต้องรู้ทุกเรื่องอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุจะดำเนินการเรื่องการปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง และจะใช้คณะกรรมการที่มีอยู่ เพื่อพิจารณาแก้ไข นายรังสิมันต์ กล่าวว่า หากคณะกรรมการที่ประเทศไทยมีอยู่ และสามารถนำพาประเทศให้หลุดพ้นจากการค้ามนุษย์ได้มองว่าประเทศไทยจะไม่กลับไปสู่ Tier 2 Watch List ซึ่งเป็นที่ยืนยันได้แล้วว่ายังไม่คณะกรรมการที่มีอยู่เดิมไม่สามารถแก้ปัญหาได้
