“สรวุฒิ” เปรียบ “สุชาติ-สนธยา” น้ำกับน้ำมัน ต้องมีผู้ใหญ่ยุติศึก ทีม ส.ส.ชลบุรี หวังปัญหาคลี่คลายโดยเร็ว ชี้เหมือนครอบครัวเดียวกัน เชื่อรักษาประโยชน์สูงสุด ปชช.
วันนี้ (18 ก.พ.) เมื่อเวลา 18.00 น. ที่รัฐสภา นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณี นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยาและแกนกลุ่มพลังชล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กตอบโต้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน อย่างดุเดือด ว่า ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของชาวชลบุรี พร้อมยืนหยัดทุกสถานการณ์ ในสิ่งที่ดีที่สุด การทำงานตนตัดสินใจบนผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน บางทีอาจไม่ถูกใจทุกคน ทุกเวลา แม้แต่ตนเองเวลาตัดสินใจอะไรไปอาจไม่ถูกใจ 100% แต่ถ้าใช้ประชาชนเป็นตัวตั้ง สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้ ที่จังหวัดชลบุรี เชื่อว่า จะคลี่คลายไปในที่สุด ซึ่งหวังว่า จะออกมาเป็นข่าวที่ดี เพราะเราเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน และเชื่อว่า ผู้ใหญ่ทั้งสองคนยังคุยกันได้ เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้พูดพร้อมกัน บางครั้งบริบทและสถานการณ์พาไป พูดจากันคนละที อาจจะทำให้รู้สึกมีความรุนแรง เพราะตัวหนังสือไม่มีอารมณ์ เกี่ยวข้อง หากได้มานั่งคุยพร้อมผู้หลักผู้ใหญ่ อาจทำให้ทั้งสองฝ่ายย้อนกลับมาทบทวน อะไรดีที่สุดสำหรับประชาชนชาวชลบุรี และเข้ามาเล่นการเมืองด้วยเจตนาอะไร เชื่อว่า ในฐานะที่ทั้งสองท่านเป็นผู้ใหญ่ทั้งคู่ก็ต้องรักษาสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดของประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นจะต้องมีผู้ใหญ่มาเป็นตัวกลางในการพูดคุยหรือไม่ นายสรวุฒิ กล่าวว่า ตนคิดว่าจำเป็น เพราะบางครั้งสองคนคุยกันก็เหมือนน้ำกับน้ำมัน ที่ไปกันไม่ได้ จะต้องมีผู้ใหญ่เข้ามาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ แต่อาจจะไม่เกิดขึ้นโดยทันทีเพราะอาจต้องใช้เวลาในการเยียวยา ให้เวลาทั้ง 2 คนทบทวนว่าอะไรดีไม่ดี
เมื่อถามว่า เวลานี้หัวหน้าพรรคทราบปัญหาแล้วหรือยัง นายสรวุฒิ กล่าวว่า ทั้งหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรีทุกคนทราบและรู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง และจากการที่ตนได้เข้าพบพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ท่านนายกรัฐมนตรีก็ได้สอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ตนได้บอกไปว่าไม่น่าจะมีอะไร อาจจะมีความเข้าคลาดเคลื่อนในการสื่อสาร โดยนายกรัฐมนตรีก็คิดว่าน่าจะมีข้อยุติได้ ทั้งนี้ ทั้งสองคนจะมีโอกาสพูดคุยกันเมื่อไหร่นั้น คงต้องสอบถามทั้งสองคนเอง สำหรับตนขอเอาใจช่วย เพราะถือว่าเป็นพี่น้องกัน อยากให้ปัญหานี้คลี่คลาย ไม่อยากให้กองเชียร์ขยายผล โดยส่วนตัวมีแต่ความปรารถนาดี และทั้ง 2 ท่าน ก็ถือเป็นบุคคลที่มีคุณภาพและมีคุณค่าต่อประเทศชาติ หากปรับความเข้าใจได้จะเกิดความยิ่งใหญ่โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชลบุรีขณะนี้มีผู้แทนจำนวน 10 คน สามารถทำอะไรได้มากมาย การพูดคุยของทั้งสองคน จะเกิดขึ้นเลยหรืออาจไม่เกิดขึ้นก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
เมื่อถามว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกอย่างไรในฐานะที่เป็น ส.ส.จังหวัดชลบุรี นายสรวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่มีอะไร แต่โดยส่วนบางคนอาจจะสะใจ ชอบเห็นคนทะเลาะกัน แต่ตนไม่ชอบ เชื่อว่า ส.ส.หลายคนอยากทำงานเพื่อชาวบ้าน อะไรที่เป็นข้อขัดแย้งเราไม่ชอบ และตอนนี้พี่ๆ น้องๆ ก็เอาใจช่วยอยากให้ความขัดแย้งนี้ยุติลง ส่วนที่ถามตนว่าจะยืนอยู่ข้างไหน ขอยืนยันว่า ตนเอาประชาชนเป็นตัวตั้งแม้คนจะมองว่าเราอยู่กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ แต่ถ้าเอาประชาชนตั้ง ตนอยู่ได้ทุกกลุ่ม และในพื้นที่จังหวัดชลบุรีในฐานะที่ตนเป็นส.ส.ก็ถือว่าอาวุโสมากที่สุด เห็นพัฒนาการมา เคยเป็นทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ไม่ได้หนักใจอะไร แต่บางทีเอาไปมัดรวมกัน กับบางสิ่งบางอย่างมาก ก็กลายเป็นข้อจำกัด ในการทำงาน ท้ายที่สุดไม่อยากให้ทะเลาะกัน
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้ฝากอะไรหรือไม่ นายสรวุฒิ กล่าวว่า ไม่มี นายกรัฐมนตรีก็สบายใจ และท่านยังบอกด้วยว่า จะไปดูเอง อย่างที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อว่าสามารถจัดการได้
ด้าน ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี กล่าวถึงกรณีที่ นายสุชาติ ได้โพสต์ข้อความพร้อมนำภาพการชูมือร่วมกับตนมาประกอบ เนื้อหาโดยระบุว่า 3 ขุนศึกชลบุรี ว่า ภาพดังกล่าวเป็นสิ่งที่สามารถนำมาเผยแพร่ได้ และสิ่งต่างๆ มีที่มาที่ไปความเป็นพี่เป็นน้องการทำงานจริงๆ แล้วอยากให้จังหวัดชลบุรีเป็นเนื้อเดียวกัน หากเป็นเนื้อเดียวกันเหมือนกับที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้ทุกอย่างจะราบรื่น เพราะทุกวันนี้ขอเรียนตามตรง ตนและนายสรวุฒิ มีความคิดความอ่านคล้ายกัน และมีอุดมการณ์คล้ายกัน ทำงานสนิทกันเหมือนพี่น้อง ดังนั้น อยากให้ดูการทำงานเป็นหลัก ซึ่งเราอยากทำงานให้กับประชาชน ถ้ายึดประชาชนเป็นหลักใหญ่สิ่งที่เกิดขึ้นต้องลองพิจารณาตรงนี้ก็จะคลี่คลายไปได้
ส่วนการเลือกตั้งสมัยหน้า จะลงในนามพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ร.อ.จองชัย กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คิดอะไร ตนเป็น ส.ส.สมัยแรก ไม่ได้คิดจะย้ายพรรคบ่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องของอนาคตถึงเวลาใกล้ๆ ค่อยพิจารณา
โดยระหว่างการให้สัมภาษณ์ นายสรวุฒิ ได้พูดติดตลกว่าเราไปพรรคใหม่ได้ไหมไปพรรคก้าวเกิน