ศูนย์ข่าวศรีราชา - สภาเมืองพัทยาเห็นชอบ เมืองพัทยา เบิกจ่ายงบสะสม 7.72 ล้านบาท ว่าจ้างที่ปรึกษาโครงการนำน้ำผ่านการบำบัดใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์แก้ปัญหาขาดแคลนน้ำระยะยาว ก่อนเปิดทางเอกชนร่วมลงทุนในลักษณะ ppp
วันนี้ (18 ก.พ.) นายบันลือ กุลละวนิชย์ รองนายกเมืองพัทยา เผยถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำขาดแคลนในเมืองพัทยาและพื้นที่ใกล้เคียง ว่า ล่าสุดได้มีการเสนอขออนุมัติจ่ายขาดเงินสะสมจำนวน 7.72 ล้านบาท จากสภาเมืองพัทยา เพื่อว่าจ้างที่ปรึกษาในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์โครงการนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
โดยโครงการดังกล่าวจะเปิดให้เอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุน ซึ่งจะนำน้ำที่ผ่านมาการบำบัดน้ำเสียของเมืองพัทยา ที่มีอยู่กว่า 6.8 หมื่น ลบ.ม.ต่อวัน เข้าสู่กระบวนการบำบัดขั้นสูงให้มีคุณภาพ ซึ่งถือเป็นการใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดความคุ้มค่า
ขณะที่ นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า เมืองพัทยาเล็งเห็นว่าที่ผ่านมา มีน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดที่ต้องถูกปล่อยทิ้งลงทะเลมากกว่าวันละกว่า 6.8 หมื่น ลบ.ม. และในอนาคตหากมีการว่าจ้างบริษัทปรึกษาในการวางแผนการพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียรองรับในระยะ 20 ปีข้างหน้า จะทำให้มีน้ำเสียที่เข้าสู่ระบบบำบัดเพิ่มถึงวันละ 1.7 แสน ลบ.ม.
จึงถือเป็นเรื่องน่าเสียดายหากปล่อยทิ้งลงทะเลโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งโครงการในลักษณะนี้มีการดำเนินงานในส่วนของภาคเอกชนมานานแล้ว ซึ่งสามารถช่วยลดงบประมาณค่าใช้จ่ายและทรัพยากรน้ำได้เป็นอย่างมาก
"แต่ต้องมีการลงทุนก่อสร้างโรงงานปรับปรุงคุณภาพน้ำขั้นสูง และจัดหาบุคลากรที่มีความรู้ ความชำนาญเข้มมาควบคุม เมืองพัทยาจึงจะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน หรือ PPP"
นายสนธยา ยังกล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับโครงการบนเกาะล้าน ที่มีการจัดทำระบบ RO ด้วยการผลิตน้ำทะเลเป็นน้ำจืดเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคตามการสัมปทานของ East Water ที่ปัจจุบันสามารถผลิตได้ในสัดส่วน 300 ลบ.ม.ต่อวัน
และในอนาคตยังมีแผนการขยายโรงงานเพื่อผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลเพิ่มเป็น 3,000 ลบ.ม.ต่อวัน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษาและออกแบบ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดที่ประชุมสภาเมืองพัทยา ได้มีมติเห็นชอบตามหลักการดังกล่าวซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีอีกครั้ง จึงจะถือว่าเป็นการดำเนินงานที่ครบถ้วนสมบูรณ์ จึงจะนำเสนอเพื่อเบิกจ่ายงบประมาณดำเนินการต่อไป