ผังแม่บทศูนย์ราชการใหม่ “ดงคำอ้อ” จ.อุบลราชธานี ไม่คืบ! ครม.ไฟเขียว “สำนักงานศาลปกครอง” เปลี่ยนแปลงโครงการ “สร้างอาคารบ้านพักตุลาการและข้าราชการศาลปกครอง” มูลค่า 161 ล้าน ไปพื้นที่ใหม่ จาก ต.แม่แจระแม ไป ต.หนองขอน พร้อมขยายหนี้ผูกพัน เดิม 2 ปี เพิ่มเป็น 7 ปี แต่ใช้งบก้อนเดิม
วันนี้ (18 ก.พ.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เวียนหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งมติคณะรัฐมนตรี อนุมัติให้ สำนักงานศาลปกครอง เปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินการก่อสร้างอาคารบ้านพักตุลาการ และข้าราชการศาลปกครองอุบลราชธานี จากเดิม ต.แม่แจระแม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เป็นพื้นที่ ต.หนองขอน อ.เมือง จ.อุบลราชธานี และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ วงเงินรวม 161,661,300 บาท จากเดิมปีงบ พ.ศ. 2561-2562 ไปเป็นปีงบ พ.ศ. 2561-2567 ไปเพื่อดำเนินการ
โดยกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ มีความเห็นว่า ในการดำเนินแผนงาน/โครงการของสำนักงานศาลปกครองในครั้งต่อไป ขอความร่วมมือให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี 21 มี.ค. 2560 (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ และการตรวจสอบข้อมูล ผู้ละทิ้งงานราชการ) และมติคณะรัฐมนตรี 20 พ.ย. 2561 (เรื่อง การตรวจสอบและจัดเตรียม ความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ) อย่างเคร่งครัดด้วย โครงการดังกล่าว กรมธนารักษ์ ได้อนุญาตให้สำนักงานศาลปกครอง ใช้ที่ราชพัสดุแบลงหมายเลขทะเบียนที่ อบ.2127 ต.หนองขอน อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เนื้อที่ประมาณ 12-0-02 ไร่ เพื่อก่อสร้างอาคารบ้านพักดังกล่าวแล้ว
“ให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้ที่ราชพัสดุ (แบบ งช.1/2457) และต้องใช้ที่ราชพัสดุตามวัตถุประสงคที่ขอใช้ ภายในระยะเวลาสามปีนับแต่วันที่ทำความตกลงกับกรมธนารักษ์ โดยสำนักงานศาลปกครอง ได้จัดทำรายละเอียดข้อมูลที่หน่วยงานของรัฐต้องเสนอขออนุมัติครบถ้วนแล้ว”
สำหรับข้อเสนอ ขอเปลี่ยนแปลงสถานที่ สืบเนื่องจากโครงการที่ได้รับงบประมาณ ปี 2560 เป็นค่าก่อสร้าง วงเงินรวม 161,661,300 บาท และค่าควบคุมงาน 2,854,100 บาท ผูกพันปีงบประมาณ 2561-2562 สถานที่ก่อสร้างเดิม ได้รับอนุญาตใช้ที่ดินสาธารณประโยชน์ “ดงคำอ้อ” จากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าวได้ เนื่องจาก “ศูนย์ราชการรองดงคำอ้อ” เป็นที่ดินสาธารณประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน หน่วยงานที่ขอใช้ประโยชน์จะต้องดำเนินการขอเพิกถอนการเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการถอนสภาพการจัดขึ้นทะเบียนและการจัดหาผลประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2550
หากหน่วยงานใดประสงค์จะขอใช้ที่ดินของรัฐเพื่อประโยชน์ในราชการเป็นการเร่งด่วน จะต้องดำเนินการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการอนุญาตตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2543 ซึ่งสำนักงานศาลปกครองได้ดำเนินการยื่นคำขออนุญาต ทั้งหมดแล้ว แต่เนื่องจากมีหลายหน่วยงานที่ขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว สำนักงานที่ดิน จ.อุบลราชธานี จึงต้องรวบรวมเอกสารคำขอจากหน่วยงานต่างๆ ก่อนดำเนินการ
“ประกอบกับปัจจุบัน จ.อุบลราชธานี อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดสรรที่ดินให้หน่วยงานต่างๆ ใช้ประโยชน์ ทำให้ไม่สามารถจัดทำผังแม่บทศูนย์ราชการเสนอคณะอนุกรรมการพิจารณาสถานที่ทำงานของหน่วยราชการในเขตกรุงเทพมหานครและเมืองหลัก พิจารณา ก่อนส่งไปไห้คณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ พ.ศ. 2539 ได้”
ดังนั้น หากต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ คาดว่า จะต้องใช้ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 ปี จึงจะสามารถเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวได้ ประกอบกับสถานที่แห่งใหม่ตั้งอยู่ห่างจากศาลปกครองอุบลราชธานี ประมาณ 6 กิโลเมตร และอยู่ติดกับถนนแจ้งสนิท ซึ่งเป็นถนนเส้นเดียวกับที่ตั้งของศาลปกครองอุบลราชธานี ทำให้บุคลากรสามารถเดินทางไป-กลับ ระหว่างสถานที่ปฏิบัติราชการและที่พักได้สะดวก