เมื่อวันที่ 16 ก.พ. นางสาวรสนา โตสิตระกูล เป็นนักรณรงค์ด้านสุขภาพและสิทธิผู้บริโภค ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า...รัฐบาลลดภาษีสรรพสามิต 3 บาท ใครจะได้ประโยชน์!?
มีนักข่าวโทร.มาถามดิฉันว่ารัฐบาลลดภาษีสรรพสามิต 3 บาท แล้วราคาน้ำมันขายปลีกที่กำหนดไว้ 30 บาท จะลดลง 3 บาทไหม ดิฉันบอกว่ายังไม่มีใครตอบได้จนกว่าจะมีการลดภาษีตามมติ ครม.และต้องไปดูที่โครงสร้างราคาน้ำมัน
แต่ขอให้จับตาดูว่า
1. รัฐบาลลดภาษีน้ำมันดีเซลน้ำมัน 3 บาท แล้วจะคุมราคาที่เท่าไหร่ ไม่เกิน 27 บาท หรือยังไม่เกิน 30 บาท
2. ถ้ารัฐบาลยังคุมราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทอยู่เหมือนเดิม ก็แสดงว่า รัฐบาลกำลังยกเนื้อ (ภาษี 3 บาท) ของตัวเองให้ผู้ค้าน้ำมัน ไม่ใช่ลดราคาให้ประชาชน ส่วนต่างภาษี 3 บาท ที่ลดลง จะทำให้ผู้ค้าน้ำมันสามารถขยับเพิ่มราคาได้อีก ใช่หรือไม่
3. รัฐบาลควรคุมราคาดีเซลที่ 25 บาท/ลิตร เป็นเวลา 1 ปี ตามที่ภาคขนส่งเรียกร้องเพื่อประชาชนด้วยการลดภาษีดีเซลจาก 5.99 บาท/ลิตรเหลือ 20 สตางค์/ลิตร เหมือนที่ลดให้น้ำมันเครื่องบินเหลือ 20 สตางค์/ลิตร เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน
4. รัฐบาลควรยกเลิกสูตรพรีเมียมหรือต้นทุนเทียมของผู้ค้าน้ำมันที่ใช้ราคาน้ำมันสิงคโปร์บวกค่าขนส่ง+ค่าประกันภัย+ค่าน้ำมันหก+อื่นๆ รวมแล้วลิตรละ 1 บาท ถ้าตัดสูตรต้นทุนเทียมออก จะลดค่าเนื้อน้ำมันลงได้ลิตรละ 1 บาท ปีละ 36,000 ล้านบาท ลดภาระบนหลังประชาชน
รัฐบาลก่อนยุค คสช. เคยเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลแค่ 1 ส.ต./ลิตร ดิฉันเสนอให้รัฐบาลท่านประยุทธ์เก็บภาษีเหลือ 20 ส.ต./ลิตร ทั้งเบนซินและดีเซล เท่ากับภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน เพราะตั้งแต่ท่านประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีเกือบ 8 ปี ท่านประยุทธ์ได้ภาษีน้ำมันจากประชาชนไปแล้วมากกว่า 1,200,000 ล้านบาท ในยามประชาชนลำบาก ควรผ่อนสั้นผ่อนยาวลดภาษีน้ำมันให้ประชาชนที่เดือดร้อนลำบากกันทั่วทั้งประเทศได้เงยหน้าอ้าปากกันบ้าง
ประชาชนยังต้องจับตาต่อไปว่าการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาท/ลิตร จะเป็นประโยชน์ให้ใคร บริษัทค้าน้ำมัน หรือประชาชนกันแน่ !?