รวมไทยยูไนเต็ด แนะ นักการเมืองรุ่นใหม่ และเก่า รวมพลังต่อสู้ระบบอุปถัมภ์-ธุรกิจการเมืองมุ่งผลประโยชน์ พร้อมเสนอ 5 นโยบายพลิกโฉมประเทศไทย โสเภณีถูก กม.-กาสิโนเสรี-คลองไทย-เลือกผู้ว่าฯ ทั่ว ปท.-รัฐบาลดิจิทัล
วันที่ 11 ก.พ. นายวรนัยน์ วาณิชกะ หัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่อง “นี่คือ พลิกโฉมประเทศไทย”
ว่า อนาคตของชาติไม่ควรแขวนอยู่กับนโยบายกะปริบกะปรอย ยุทธศาสตร์เลื่อนลอย การบริหารบนผลประโยชน์ธุรกิจการเมือง การเมืองแบบเก่าที่ไม่เข้าใจความต้องการของโลกสมัยใหม่
ทั้งนี้ สำหรับความใหม่ คือ สิ่งที่ประชาชนต้องการ ไม่ใช่เหล้าเก่าในขวดใหม่ ย้อมขายเพื่อหวังกระแสและคะแนนเสียง
โดยความใหม่ต้องขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์ แรงบันดาลใจ และอุดมการณ์อันแข็งแกร่งของนักการเมืองรุ่นใหม่ เพื่อที่จะมาเป็นรัฐบาลที่พลิกโฉมประเทศไทย ไม่ใช่แค่เปลี่ยนแปลงหรือปฏิรูปแต่ต้อง “พลิกโฉม”
นายวรนัยน์ กล่าวต่อว่า นักการเมืองรุ่นใหม่และรุ่นเก่า (ที่ต้องการทางเลือกใหม่) ต้องจับมือกัน สู้รบกับ เสือ สิง กระทิง แรด ในสภา และแต่ละหน่วยงาน ต้องอาศัยชั้นเชิงและความช่ำชองที่มาจากประสบการณ์ มิฉะนั้น ก็จะตกอยู่ในวังวนของความเหมือนเดิม
“รุ่นใหม่คือตัวยิง รุ่นเก่าคือตัวส่งลูก รวมกันเราพลิกโฉม หากแยกกันการเมืองอุปถัมภ์คงเอาไปรับประทานอย่างแน่นอน"
นายวรนัยน์ กล่าวและว่า เรามีข้อเสนอ 5 นโยบายที่ไม่ใหม่ เพราะประเทศอื่นทํามาหมดแล้ว และพรรคอื่นได้พูดถึงบ้างแล้ว แต่สิ่งที่ใหม่ คือ เหตุผลและจุดประสงค์ของนโยบาย เพราะถ้าเหตุผลคลุมเครือ จุดประสงค์บิดเบี้ยว ผลลัพธ์ก็เข้าแต่กระเป๋าการเมืองเก่า
ประกอบด้วย 1. กาสิโนเสรี ไม่ใช่เพราะบ้าการพนัน แต่มันคือยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อลดความเหลื่อมลํ้า ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ในพื้นที่ของธุรกิจการเมือง แต่ทําในพื้นที่ยากจนที่สุด อยู่ท้ายแถวของความเหลื่อมล้ำ แต่ก่อนทําจะต้องมีประชามติ คนในพื้นที่ต้องเห็นด้วย ซึ่งการทําอุตสาหกรรมกาสิโนนั้น มีจุดประสงค์เพื่อต่อยอดในธุรกิจอื่น ยกระดับคุณภาพชีวิต ยกระดับคมนาคม ภาษีรายได้เอาไปลงกับการศึกษาและสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างมีอยู่แล้ว Indian Reservations เคยเป็นพื้นที่ยากจนที่สุดในอเมริกา แต่ในพื้นที่ที่ได้ทำกาสิโนถูกกฎหมาย ผลต่อยอดมหาศาลและทั่วถึง นี่คือ การกระจายศูนย์กลางทางเศรษฐกิจเข้าไปในแต่ละภูมิภาค และพัฒนาทั้งประเทศ ไม่ใช่กระจุกอยู่แต่ในกรุงเทพฯ รถในกรุงเทพฯ ก็จะติดน้อยลงโดยปริยาย เพราะประชากรระบายออกไปหาโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า นี่คือ การกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจที่กระจุก นี่คือ การพลิกโฉมประเทศไทย
2. คลองไทย เพราะเราต้องเลิกเป็นขี้ข้าทางเศรษฐกิจของประเทศอื่น ไม่ว่าจีน หรืออเมริกา 30% ของการค้าโลกจะไหลผ่านพื้นที่ที่เราเป็นเจ้าของ ประเด็นสำคัญ คือ เราคือเจ้าของ ลองไปดูสิ คลองปานามา คลองสุเอซ ช่องแคบมะละกา และอื่นๆ ว่าใครเป็นเจ้าของและรวยกันขนาดไหน แต่ก่อนทําต้องมีประชามติ คนในพื้นที่ต้องเห็นด้วย สิ่งแวดล้อมต้องฟื้นฟู ต้องทำให้ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ การดูแล ผลตอบแทน และเยียวยาประชาชนในพื้นที่ต้องพร้อม ต้องคุ้มค่า เพราะจุดประสงค์และสิ่งที่ประเทศจะได้รับ คือ การเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในภูมิภาค และเศรษฐกิจในพื้นที่ก็จะพลิกโฉมโดยปริยาย เพราะเราจะเป็นทางผ่านสำคัญในการเข้าออกทะเลจีนใต้ และกลุ่มประเทศที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุดในโลก นี่คือ พลิกโฉมประเทศไทย
3. รัฐบาลดิจิทัล ไม่ใช่เพราะต้องการพีอาร์ผลงาน ไม่ใช่เพราะอยากโชว์ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการทำงานภาครัฐ สิ่งนั้นมันตามมาอยู่แล้ว แต่จุดประสงค์สำคัญ คือ สู้รบกับทุจริตคอร์รัปชัน แพลตฟอร์มดิจิทัล คือ พื้นที่โปร่งใส สื่อและประชาชนเข้าถึงข้อมูล เพียงแค่ไม่กี่คลิกก็ตรวจสอบได้ จัดซื้อ จัดจ้าง ตังค์ทอน รู้หมด ซุกช่อนในแบบฉบับรัฐบาลอนาล็อกที่เป็นอยู่ไม่ได้ ตั้งแต่ผู้ใหญ่บ้านยันนายกฯ โดนตรวจสอบโดยประชาชนผ่านเทคโนโลยี ให้มันรู้ไปว่าจะซ่อนคอร์รัปชันไว้ที่ไหนได้อีก นี่คือพลิกโฉมประเทศไทย
4. เลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ พลิกโฉมโครงสร้างประเทศ กระจายอำนาจทางการเมืองที่กระจุกเข้าสู่ในมือประชาชนให้มากที่สุด ลดความเหลื่อมล้ำทางการเมืองระหว่างกรุงเทพฯ และ 76 จังหวัด ไม่ใช่มหาดไทยปกครอง 76 เมืองขึ้น ไม่ใช่นักการเมืองแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรีมหาดไทย เพื่อใช้อำนาจ “จัดตั้ง” ในการเลือกตั้งระดับประเทศ ปล่อยลูกให้โตเป็นผู้ใหญ่ ประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ นี่คือ พลิกโฉมประเทศไทย
5. เอาแรงงานนอกระบบเข้าระบบ รวมถึงโสเภณีถูกกฎหมาย ไม่ใช่เพราะชายไทยชอบนวด หญิงไทยชอบเรียกบาร์โฮสต์ จุดประสงค์ คือ แรงงาน 37.92 ล้านคน ต้องได้รับการคุ้มครองในสิทธิขั้นพื้นฐาน สวัสดิการ ประกันสังคม ประกันสุขภาพ ป้องกันจากพวกค้ามนุษย์เถื่อน จาก 37.92 ล้านแรงงาน มีเพียง 17.56 ล้านกว่าอยู่ในระบบ การให้สิทธิขั้นพื้นฐานกับคนไทยอีก 20.36 ล้านกว่าคน นี่คือ การพลิกโฉมประเทศไทย
“หลายคนอาจบอกว่า “ทำไม่ได้หรอก” ถูกต้องครับ ไม่มีทางทำได้ภายใต้การเมืองแบบเก่าแน่นอน เพราะมีแต่สร้างวาทกรรมและจ้องหาผลประโยชน์
เราจึงต้องหวนกลับมาที่ประเด็นแรก คือ การเมืองแบบใหม่ ขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์ของนักการเมืองรุ่นใหม่ ผลักดันด้วยประสบการณ์ของนักการเมืองรุ่นเก่า ที่ต้องการทางเลือกใหม่ เพราะสิ่งแรกก่อนพลิกโฉมประเทศไทย คือ พลิกโฉมการเมืองไทย” นายวรนัยน์ กล่าว