ประชุมสภาล่มครั้งที่ 17 “พิเชษฐ์” เจ้าเดิมเสนอนับองค์ประชุม “นิโรธ” ซัดให้มีมารยาทอย่าจริยธรรมตกต่ำ “ชวน” เอ่ยปากเตือนใช้สิทธิพร่ำเพรื่อ ทำภาพพจน์สภาเสื่อม ยกอดีต ปชป.เสนอนับองค์เวลาเจอ รบ.กลั่นแกล้ง เท่านั้น ไม่มีนั่งอยู่ แต่ไม่กดบัตร
วันนี้ (10 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ ตั้งแต่เปิดประชุมในช่วงเช้าเป็นไปอย่างปกติ จนมาถึงวาระพิจารณารับทราบประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เรื่อง นโยบายการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 บรรยากาศในห้องประชุมมี ส.ส.อยู่บางตา ทำให้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นขอตรวจสอบองค์ประชุม เนื่องจากสงสัยว่าสมาชิกอยู่ครบองค์ประชุมหรือไม่
ทำให้ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ รีบเสนอญัตติให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ เพื่อรอให้เพื่อนสมาชิกเข้ามาร่วมแสดงตนเพิ่มมากขึ้น
ด้าน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ได้เสนอให้วิปไปพูดคุยกัน เพราะวาระพิจารณารายงานไม่ต้องลงมติว่าจะเห็นชอบหรือไม่ แต่นายพิเชษฐ์ก็ยังยืนยันว่าให้นับองค์ประชุม
ขณะที่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ หลายคนได้พยายามโต้แย้ง ว่า การเสนอให้นับองค์ประชุมระหว่างพิจารณารายงานหรือกรณีไม่ได้ลงมตินั้นขัดข้อบังคับ และไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) สอบถามว่า การขอนับองค์ประชุม ถือว่าเป็นญัตติหรือไม่ และการเสนอนับองค์ประชุมเพื่อป่วนสภา ถือว่าทำลายความมั่นคงสภา ผิดรัฐธรรมนูญ และผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 ระหว่างนั้น นายพิเชษฐ์ พูดแทรก เพราะต้องการประท้วง ทำให้ นายนิโรธ กล่าวว่า “เอาแบบมีมารยาทหน่อยในสภา อย่าจริยธรรมตกต่ำให้มากนัก”
อย่างไรก็ตาม นายชวน ได้วินิจฉัยว่า การเสนอนับองค์ประชุมเป็นสิทธิของสมาชิกที่จะทำได้ และประธานต้องดำเนินการตาม ทั้งนี้ มี ส.ส.ที่ไม่สนับสนุน เพราะมองว่าฝ่ายค้าน และรัฐบาลต่างเล่นแง่ทางการเมือง และเสนอให้ผู้เสนอให้นับองค์ประชุมถอนเรื่อง
ทั้งนี้ นายชวน ชี้แจงว่า เมื่อมีผู้เสนอให้นับองค์ประชุม และมีการเสนอญัตติต้องตรวจสอบองค์ประชุม หากองค์ประชุมครบ ขอมติได้ หากไม่ครบขอมติไม่ได้ เป็นไปตามเกณฑ์ ที่ผ่านมา ไม่มีปัญหา เพราะไม่ใช้สิทธิอย่างฟุ่มเฟื่อย งานเดินหน้าได้ แต่เมื่อส.ส.เสนอ ประธานไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
“ผมให้เวลา เพราะขณะนี้มีตัวเลขใกล้เคียงองค์ประชุมแล้ว วันนี้สมาชิกวางใจไม่มีมติ เพราะเป็นเรื่องแจ้งเพื่อทราบของหน่วยงาน ที่ตกลงว่าจะผ่านให้ 10 เรื่อง และมีผู้ชี้แจงรอ ผมเคยเตือนว่า เวลามีค่า อกเขาอกเรา เมื่อมารอแต่ไม่ได้พิจารณาเสียเวลามาก แต่เมื่อมีคนเสนอนับองค์ ด้วยเจตนาอะไรก็พอเข้าใจได้ หากใช้สิทธิอะไรพร่ำเพรื่อเกินไป ก็เสียหายต่อภาพพจน์ของสภา” นายชวน ชี้แจง
ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากที่ นายชวน ชี้แจง ทำให้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ชี้แจงตอบโต้ ว่า กลไกตรวจสอบฝ่ายค้าน เพื่อให้รัฐบาลมีเสถียรภาพเดินหน้าตามกลไก และตามระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ที่พวกตนเป็นรัฐบาล มีบางพรรคเป็นฝ่ายค้านและมีกระบวนการรุนแรง ขว้างปาข้าวของ หรือลากเก้าอี้ ทั้งนี้ เวลาล่วงเวลา 20 นาที มี ส.ส. 220 คนเท่านั้น วันนี้หน้าที่ของเสียงข้างมากที่จะสามารถรักษาองค์ประชุมของสภาได้ไม่ประสงค์ให้สภาล่มอยากให้ทำงานให้ครบ เพื่อพิจารณารายงานขอให้ขานคะแนน
ด้าน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นชี้แจง เพราะถูกพาดพิงช่วงที่เป็นฝ่ายค้านในอดีตในสมัยที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ว่า ตนก็เคยเป็นฝ่ายค้านมา แต่ฝ่ายค้านในอดีตอย่างพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคอื่นๆ จะนับองค์ประชุมต่อเมื่อเป็นเรื่องวาระสำคัญที่ฝ่ายค้านซึ่งมีเสียงข้างน้อย จะแสดงความเห็นที่ไม่เห็นด้วยต่อเรื่องนั้น แล้วถ้าเจอฝั่งรัฐบาลซึ่งไม่รับฟังความเห็นของฝ่ายค้านเลย กระทำเสมือนเป็นเผด็จการรัฐสภา ฝ่ายค้านก็จะใช้มาตรการเช่นนั้น แต่จะไม่ทำพร่ำเพรื่อ ไม่ใช่ทำทุกเรื่อง หรือจ้องหาจังหวะที่จะทำ เพื่อให้สภาล่ม แล้วจะได้เกิดความเสียหายกับสภา ฝ่านค้านในยุคนั้นจะเห็นถึงความสำคัญของสภา ว่า มีหลายเรื่องที่เป็นเรื่องของประชาชน ส่วนเรื่องของการทำให้เสียหายนั้น ความจริงบรรยากาศในสภาตอนนั้น ท่านประธานก็อยู่ พวกเราหลายคนก็อยู่ เราจะรู้กันทีเดียวว่า การใช้เสียงข้างมาก ในลักษณะที่เป็นเสียงข้างมากลากไป แล้วเป็นลักษณะของการไม่ฟังเสียงข้างน้อย แม้กระทั่งประชาชนข้างนอก ก็รู้สึกเช่นนั้น ตนก็คิดว่าควรให้ข้อเท็จจริงกับสภานี้
ส่วนกรณีนับองค์ประชุมนั้น ตนเข้าใจดีว่า เป็น 1 ในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 120 ที่พูดถึงจำนวนขององค์ประชุมสภาว่าต้องเกินกึ่งหนึ่ง ส่วนเรื่องการกำหนดวิธีการนับก็เป็นเรื่องของสภา แต่มาตรการฝ่ายค้านในอดีตจะคำนึงถึงเรื่องที่สำคัญแต่จะไม่ทำพร่ำเพรื่อ
ส่วน นายชวน กล่าวว่า ตนเป็นผู้นำฝ่ายค้าน 3 สมัย พอจะรู้ดีว่าการใช้สิทธิดังกล่าวเป็นกรณีที่รัฐบาลกลั่นแกล้ง เช่น เขาไม่ให้พูด มีการเสนอปิดอภิปราย ยกมือก็ไม่ให้พูด สมัยนี้ดีไม่มีเลย และสมัยนี้เป็นสมัยที่เราได้อภิปรายทั่วถึงทุกคน ซึ่งไม่เคยปรากฏอย่างนี้มาก่อน เพราะเราถือว่าสภาเป็นที่พูด แต่การประท้วง หรือการนับองค์ประชุมนั้น สมัยก่อนก็มี ในกรณีที่เห็นว่ารัฐบาลไปกลั่นแกล้งเขา เขายกมือไม่ให้พูด มีคนเสนอปิดอภิปราย ไม่ใช่ลักษณะอย่างปัจจุบัน ตนทราบดีเรื่องพวกนี้ เช่น เวลานับองค์ประชุม ตนเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ตนก็นั่งในห้องประชุม เพราะองค์ประชุมสมัยนั้นเขานับตัวคน แต่ปัจจุบันกดบัตร อันนี้คือข้อแตกต่างที่ทำให้บางท่านอยู่ในห้องประชุม บางครั้งห้องประชุมนี้ครบ แต่เนื่องจากสมาชิกบางท่านไม่กดบัตร องค์ประชุมก็เลยไม่ครบ ทั้งที่ความจริงแล้วองค์ประชุมครบ ถ้านับตัวบุคคล อันนี้คือข้อเท็จจริง
“ไม่อยากให้งานของเราล้มเหลว ยึดประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง สิ่งที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมืองต้องทำ”
หลังจากใช้เวลารอเกือบ 30 นาที นายชวน ได้สั่งปิดการแสดงตน ปรากฏผู้ที่กดบัตรแสดงตน 227 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม และสั่งปิดการประชุมเมื่อเวลา 15.02 น. ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์การองค์ประชุมสภาล่มเป็นครั้งที่ 17
