ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร น้อมรับผิดทำ ประชาชนสับสน ปัดฝ่ายค้านไม่ทำงาน แต่เป็นกลไกตรวจสอบองค์ประชุม เพื่อไม่ให้เสียงข้างน้อยปกครองประเทศ รับดรามา “เพื่อไทย-ก้าวไกล” เป็นประโยชน์ที่มีการถกเถียงความเห็นต่างตามหลักประชาธิปไตย
วันนี้ (7 ก.พ.) ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีความขัดแย้งระหว่างพรรค พท. และพรรคก้าวไกล ที่มีการไม่ปฏิบัติตามมติพรรคร่วมฝ่ายค้านในการไม่อยู่เป็นองค์ประชุม ว่า ตนขออนุญาตขำในเรื่องที่มีการดรามาเกิดขึ้น ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากเป็นวิธีการทำงาน เราเคารพกันซึ่งกันและกันอยู่แล้ว โดยหลักเราต้องการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ย้ำว่า ฝ่ายค้านจะตรวจสอบเข้มข้นด้วยวิธีการตรวจสอบองค์ประชุมในภาวะที่การเมืองอยู่ในวิกฤต ชี้ให้เห็นสัญญาณว่า เสียงข้างมากในสภาไม่ได้เป็นเสียงข้างมากจริง องค์ประชุมของฝ่ายรัฐบาลไม่เคยเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ 237 เสียง ซึ่งเราพยายามประเมินอยู่ตลอด หากเป็นเช่นนี้จะขัดต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขอเรียนประชาชนว่า ฝ่ายค้านมาประชุมทุกคน และการตรวจสอบ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลก็เป็นหน้าที่ฝ่ายค้านโดยตรง เราเคยพูดกันว่า หากรัฐบาลไม่พร้อมทำงาน เราก็ทำงานร่วมกับฝ่ายรัฐบาลที่มีเสียงข้างน้อยไม่ได้ และเสียงข้างน้อยจะเป็นเสียงข้างมากไม่ได้ ซึ่งไม่ชอบด้วยหลักของการทำหน้าที่ แต่เราก็มีข้อยกเว้น เช่น หากมีกฎหมายสำคัญบางเรื่องอาจจะมีมติเป็นเฉพาะไป ฐานะที่ตนเป็นผู้นำฝ่ายค้านขอรับผิดว่าอาจจะทำให้เกิดความสับสนได้ เราให้สิทธิแต่ละพรรคการเมืองเป็นผู้ตัดสินใจว่าเรื่องไหนสำคัญหรือไม่สำคัญ และไม่ก้าวล่วงมติพรรคซึ่งกันและกัน หลังจากนี้ต้องเปลี่ยนวิธีการทำงานโดยเน้นหลักทั่วไปว่าเราเห็นพ้องต้องกัน แต่หลักการเฉพาะเช่น ตัวเนื้อหาและตัวกฎหมายเราต้องเคารพสิทธิ ฉะนั้นปัญหาเป็นอยู่ในขณะนี้ก็ไม่ควรเกิดขึ้นด้วย
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ตนมองว่า ไม่มีดรามาอะไรให้เกิดความขัดแย้งทั้งสิ้น หลักประชาธิปไตยยิ่งเห็นต่างยิ่งดี แต่ในความเห็นต่างต้องมีข้อสรุปให้ชัดเจน เพื่ออธิบายให้ประชาชนได้ ซึ่งมีหลายคนไปทำให้ประชาชนมองฝ่ายค้านว่าไม่ทำงาน จึงต้องทำความเข้าใจว่านี่คือการทำงาน เป็นการตรวจสอบ หากรัฐบาลไม่พร้อมก็ต้องบอกกับประชาชนว่า รัฐบาลไม่มีความชอบธรรมที่จะทำงานต่อ ซึ่งขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลมองว่า วิธีการนี้ไม่สามารถกดดันรัฐบาลได้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า วิธีการจะกดดันให้ยุบสภาได้หรือไม่ได้ ไม่ใช่การตัดสินแต่เป็นกระบวนการ เราต้องการให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลไปต่อไม่ได้แล้ว เราไม่ได้หวังว่าการตรวจสอบองค์ประชุมทำให้เกิดการยุบสภา ไม่ว่าเราทำอะไรเขาก็ไม่ยอมยุบสภา แต่เมื่อเขาไม่มีความชอบธรรมถึงจะยุบสภา และที่สำคัญกลไกที่เราดำเนินการในสภานี้ รัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศได้ หากมีการนำกฎหมายสำคัญเข้าสภาฯแล้วไม่ผ่าน เช่น พ.ร.ก.กู้เงิน และ พ.ร.บ.งบประมาณปี 66 นี่คือ เหตุผลที่เราทำเช่นนี้ เพราะส่งผลดีกับประชาชน ในแง่ที่ว่า หากคุณไม่มีความสามารถ ไม่มีความชอบธรรม ก็ควรพิจารณาตนเอง ถ้าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเขาไปนานแล้ว
เมื่อถามว่า กรณีที่สภาล่มสองครั้ง ก่อนที่กฎหมายสำคัญของพรรคก้าวไกลจะเข้าสู่การพิจารณา เป็นสาเหตุที่เกิดประเด็นดรามาระหว่างพรรคฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน การที่สภาล่ม แต่กฎหมายยังอยู่และสามารถหยิบมาพิจารณาได้ตลอด เพราะไม่ได้ตีกฎหมายตกไป
เมื่อถามว่า การประชุมวันนี้จะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการอะไรหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนตั้งใจจะหารือเรื่องนี้ในที่ประชุมพรรคหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน ส่วนรายละเอียดเป็นหน้าที่ของวิปฝ่ายค้านที่ต้องหารือกันว่าอะไรสำคัญหรือไม่สำคัญอย่างไร และสอดรับต่อภาพรวมของเราหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่มีดรามาอะไรที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนจริงๆ เรื่องดรามาเป็นเรื่องธรรมดา เป็นความเห็นต่าง หากมองบริบทการเมืองด้วยความเข้าใจก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับประเทศที่มีถกเถียงกันแสดงความเห็นต่างกัน แต่อย่าไปกล่าวหาแต่ละฝ่ายว่าเป็นเช่นนั้น เราต้องเคารพสิทธิแต่ละฝ่าย