เมืองไทย 360 องศา
ยังคงเดินหน้าต่อไปสำหรับ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่เคลื่อนไหวออกหน้าโดย “แรมโบ้อีสาน” เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ที่ย้ำว่าจะมีการประชุมพรรคในเดือนมีนาคม และจะมี “บิ๊กเซอร์ไพรส์” แน่นอน โดยจะมีนักการเมืองที่มีประวัติดี โปรไฟล์ดีเข้ามาร่วมจำนวนมาก และในจำนวนนั้นนักการเมืองที่มีอักษรย่อ “ต.” เข้ามาด้วย
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ได้ย้ำถึงการจดจัดตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า เนื่องจากได้ยินมาว่าจะมีคนนำชื่อไปใช้ จึงชิงไปจดจัดตั้งก่อน ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2564 และได้ปรึกษาถามกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แล้ว ยืนยันไม่ใช่พรรคสำรองของพรรคพลังประชารัฐ แต่เตรียมเพราะเห็นว่ายังมีความวุ่นวายภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่อาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์
เขายังได้อ้างอิงเกมการเมืองกดดันต่อรองกับนายกรัฐมนตรีช่วงที่ผ่านมา นับแต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2564 และเห็นว่า สถานการณ์ทางการเมืองไม่สู้ดีนัก จึงเตรียมหาทางรองรับไว้หากในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พรรคพลังประชารัฐไม่ได้เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรค
โดยเปรียบสถานการณ์การเมืองที่ผ่านมา ที่นายกรัฐมนตรีถูกกดดันว่า “มาบีบไข่นายกรัฐมนตรีตลอดไม่ได้” จึงไม่ยอมให้นายกรัฐมนตรีเดียวดาย โดยได้ปรึกษากับผู้ใหญ่ของบ้านเมืองในการจัดตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า พรรคดังกล่าวนี้ไม่ได้เป็นพรรคของนายกรัฐมนตรี เพราะนายกฯ ไม่ได้บอกว่าจะมา แต่ส่วนตัวเห็นว่าพรรคเดิมมีปัญหาจึงต้องหาทางหนีทีไล่เอาไว้ก่อน และให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจต่อไป
ทั้งนี้ หาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังสามารถคุมลูกพรรคได้อยู่ ก็โอเค แต่อ้างอิงสถานการณ์อภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ซึ่งเห็นคะแนนการโหวตก็สามารถอ่านเกมรู้หมดว่า สถานการณ์ทางการเมืองตั้งแต่นั้นจนถึงปัจจุบันยังไม่นิ่งสงบ พร้อมทั้งยืนยันว่า หากพลังประชารัฐไม่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็จะเสนอเอง ซึ่งเป็นทางออกที่เตรียมไว้
เขากล่าวว่า แม้ว่าจะยังคงเชื่อมั่นความสัมพันธ์เหนียวแน่นของพี่น้อง 3 ป. แต่สิ่งที่กังวล คือ เกมการเมืองของนักการเมืองที่เขี้ยวลากดิน พร้อมกันนี้ มั่นใจว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ จะเสนอชื่อบัญชีนายกฯได้ตามเงื่อนไขที่จะต้องมี ส.ส. 25 คน เพราะหลังจากนี้จะมีบุคคลทางการเมือง และ ส.ส.หลั่งไหลเข้าร่วมงานการเมืองกับพรรค เช่น พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล แกนนำกลุ่ม ส.ส.ใต้ พรรคพลังประชารัฐ ที่ออกจากพรรค และมีการเปิดตัวไปร่วมงานการเมืองกับพรรคกล้า แต่ว่าล่าสุดทราบว่ายังไม่มีการสมัครเข้าสมาชิกพรรคดังกล่าว
“ในเดือนมีนาคมนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติจะจัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งการบริหารพรรค และมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ บุคคลที่มีประวัติและโปรไฟล์ดี เป็นที่ยอมรับของประชาชน ชื่อย่อ ต. เปิดตัวร่วมงานการเมืองกับพรรค ส่วนหัวหน้าพรรคจะเป็นใครนั้นจะมีการพิจารณาอีกทีนึง หากเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาร่วมงานได้ ก็จะเชิญมาเป็นหัวหน้าพรรค หากไม่ได้ ก็จะเป็นบุคคลอื่นที่เป็นหัวหน้าพรรคแทน”
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากคำพูดทิ้งท้ายที่ว่ามีระดับ “บิ๊กเนม” อักษรย่อ “ต.” นั้น หากเดาให้เคลียร์ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะพิจารณากันในภาพรวมๆ ต่อไป ก็ต้องเดาว่า น่าจะเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และปัจจุบันก็น่าจะยังเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อีกด้วย เพราะชื่อเล่นของเขาคือ “ตุ๋ย” นั่นเอง ส่วนจะใช่หรือไม่ ก็ต้องรอให้เจ้าตัวคอนเฟิร์มเท่านั้น
ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เคยมีข่าวก่อนหน้านี้ได้ออกมาปฏิเสธแล้ว โดยย้ำว่าไม่เคยถูกทาบทาม แต่ยอมรับว่ามีหลายพรรคมาพูดคุย แต่ยังไม่ได้ตกลงปลงใจกับพรรคไหน อีกทั้งเขายังติดเงื่อนไขคุณสมบัติ ที่พ้นจากตำแหน่ง ส.ว.ยังไม่ครบ 2 ปี โดยจะพ้นกำหนด ตั้งแต่สิ้นเดือนกันยายนปีนี้
หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ก็ยังถือว่าน่าจับตามองกันต่อไป เพราะบุคคลที่เคลื่อนไหวล้วนเป็นคนใกล้ชิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งสิ้น แม้ว่านาทีนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ย้ำอีกว่า จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค โดยที่ไม่จำเป็นต้องมาเป็นสมาชิกพรรค รวมไปถึงยืนยันถึงความสัมพันธ์ของพี่น้อง “3 ป.” ว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และไม่แย่งเก้าอี้ มท.1 กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เพราะเป็นน้องรัก รวมไปถึงยืนยันควบคุมเสียงของ “กลุ่มร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ได้ไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ดี แม้ว่ามีความชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิมมาก รวมไปถึงความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ ภายหลังจาก ร.อ.ธรรมนัส แยกตัวออกไป แต่ก็นั่นแหละการเมืองมันก็ไม่มีอะไรแน่นอน เพราะถึงอย่างไรลักษณะที่เป็นอยู่ของพรรคนี้มันก็ยังไม่ต่างจาก “นั่งร้าน” ที่สามารถถูกรื้อทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ พิจารณาในมุมไหนก็ย่อมไม่มีความมั่นคงอยู่ดี และยิ่งในสถานการณ์เสียง “ปริ่มน้ำ” แบบนี้ มันก็ยิ่งหวาดเสียว
ดังนั้น การเมืองทางเลือกแบบที่ว่า “มีทางหนีทีไล่” เอาไว้ก่อน มันก็ย่อมอุ่นใจกว่า แต่ถึงอย่างไรเส้นทางข้างหน้ามันก็ไม่ง่าย ทุกอย่างยังต้องอิงอยู่กับ “กระแส” ว่าในตอนนั้นยังมีเสียงตอบรับมากน้อยแค่ไหนด้วย
แต่ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากคำพูดของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ฝากมากับโฆษกรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ ที่ย้ำว่า “วันนี้ยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ” และ “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในอนาคต” มันก็เหมือนกับว่า “วันนี้ใช่ แต่วันหน้าไม่แน่” อะไรประมาณนั้น
ดังนั้น หากพิจารณาตามแนวทางนี้ ก็ต้องรอดูว่าการประชุมพรรครวมไทยสร้างชาติ ในเดือนมีนาคมจะมี “บิ๊กเซอร์ไพรส์” มี “บิ๊กเนม ต.” เข้ามาร่วมจริงหรือไม่ โดยคนนั้นจะใช่ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ ที่ระยะหลังได้รับมอบหมายงานสำคัญหลายเรื่อง จะเข้ามาร่วมจริงหรือไม่ หากมาจริงก็ต้องบอกว่างานนี้ “ไม่ธรรมดา” แล้ว และนั่นหมายความว่า “นายกฯ ไม่ยอมให้ถูกบีบไข่” จริงๆ แล้ว ใช่หรือเปล่า !!