มารดา “หมอกระต่าย” ร้อง กมธ.กฎหมาย สภาผู้แทนฯ สอบปมลูกสาวถูกบิ๊กไบค์ชนบนทางม้าลาย คู่ขนานกับการทำคดีของตำรวจ เพื่อค้นหาข้อมูลความจริงให้ชัดเจน เผย ไม่อยากให้ลูกตายฟรี อยากให้สังคมพัฒนา-เปลี่ยนแปลง
วันนี้ (3 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น. นางรัชนี สุภวัตรจริยากุล มารดาของ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย พร้อมด้วย นายณัฐพล ชิณะวงศ์ ทนายความ เดินทางมายื่นหนังสือถึงคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษร เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ พญ.วราลัคน์ ถูกรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ชนที่ทางม้าลาย จนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา โดยมีตัวแทน กมธ.มารับหนังสือ
โดย นางรัชนี กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่า ตนพูดค่อนข้างยาก แต่ความรู้สึก คือ ลูกสาวของตนไม่ได้ข้ามถนนด้วยความประมาท หลายคนอาจจะมองว่าเวลาเกิดปัญหาแบบนี้ เป็นการโยนความผิดให้ผู้ใช้ถนน ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง เพราะเป็นการจากไปที่ไม่มีโอกาสได้ป้องกันตนเอง ไม่มีโอกาสได้รักษา เพราะหากขับรถมาเบากว่านี้ ก็อาจจะเป็นแค่การรักษา แต่นี่ไม่เลย ทำให้ลูกสาวของตนเสียชีวิตคาที่ สิ่งนี้ทำให้ตนรับไม่ได้ จึงขอให้ประชาชนทุกคนช่วยให้กำลังใจ ให้ความเป็นธรรม และหน่วยงานต่างๆ ก็ต้องรับผิดชอบด้วย เนื่องจากตนไม่อยากให้ลูกสาวตายฟรี และตนก็รู้สึกเป็นห่วงลูกสาวอีกคนที่มีลูกน้อยที่ยังมีความหวาดกลัวไม่กล้าข้ามถนน จึงอยากให้สังคมพัฒนาและเปลี่ยนแปลง จึงมาขอความกรุณาจากรัฐสภาแห่งนี้ ช่วยชี้นำสังคมให้ร่วมกันพัฒนาประเทศ และอย่าให้คดีนี้เป็นเหมือนคดีอื่นๆ ที่มันหายไป โดยไม่ส่งผลดีต่อประเทศ ลูกสาวของตนที่เสียชีวิตไป จะได้ภาคภูมิใจและเป็นแบบอย่างให้กับน้องและคนอื่นๆ ด้วย
ด้าน นายณัฐพล กล่าวว่า วันนี้ไม่ใช่การร้องเรียน แต่อยากให้ กมธ.กฎหมายฯ ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงคู่ขนานอีกทางหนึ่ง เนื่องจากผู้กระทำความผิดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จึงอยากให้การตรวจสอบข้อเท็จจริง มีความรอบคอบและละเอียด ซึ่งไม่ได้หมายความว่า เป็นการเชื่อใจตำรวจ แต่เราอยากให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีนี้มีความละเอียด การสูญเสียครั้งนี้ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัวและประเทศ เนื่องจาก พญ.วราลัคน์ เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อสังคม โดยประเด็นที่ครอบครัวรู้สึกคาใจอยู่ คือ เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะจุดที่เกิดเหตุเป็นทางม้าลาย แต่กลับมีรถวิ่งเร็วมาก แม้ว่าปัจจุบันจะมีการทำลูกคลื่น หรือสัญลักษณ์ต่างๆ แล้ว จึงเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ทั้งนี้ เรื่องการจำกัดความเร็ว มีการบอกว่าผู้ก่อเหตุได้ใช้ความเร็วเกิน 80 กม.หรือไม่ ทั้งที่จุดตรงนั้นเป็นแหล่งชุมชนและใกล้โรงพยาบาล เป็นการใช้ความเร็วเกินไปหรือไม่ เพราะเมื่อปี 2564 มีการออกกฎกระทรวงโดยนายกรัฐมนตรี เรื่องการจำกัดความเร็ว ถามว่า มันครอบคลุมแล้วหรือ เพราะจุดตรงนั้นควรจะใช้ความเร็วได้ 20-30 กม. อีกทั้งนักวิชาการต่างๆ ก็คงจะบอกได้ว่า หากรถใช้ความเร็วเกิน 80 กม. ชนคนจะเท่ากับคนตกตึกกี่ชั้น จึงอยากฝากให้ กมธ.กฎหมายฯ ช่วยดูว่ากฎหมายลำดับรองเพียงพอแล้วหรือยัง การบังคับใช้กฎหมายมีอะไรบ้าง
ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะโฆษก กมธ. กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว พญ.วราลัคน์ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสะเทือนใจ ซึ่ง กมธ.กฎหมายฯ จะให้ความสำคัญอย่างแน่นอน เพราะในกรณีนี้มีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายที่จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขให้การเดินทางเท้า และการข้ามถนน มีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งในระยะหลังมีการตื่นตัวในเรื่องนี้ แต่ยังไม่เพียงพอ ซึ่งต้องเข้าไปปรับปรุงแก้ไขระเบียบ ข้อบังคับ กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่า เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งหลังจากนี้ กมธ.จะไปพูดคุยร่วมกันและหารือกันว่าจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใด อาทิ กรมการขนส่งทางบก สตช. กรุงเทพมหานคร รวมถึงบุคคลอื่นๆ เพื่อให้มั่นใจว่า ครอบครัวจะได้รับความเป็นธรรมและมาร่วมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาบ้าง ป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก