“ธาริต” หมดทางสู้ ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ ปมร้องภาระพิสูจน์ทรัพย์สินคดีร่ำรวยผิดปกติตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ยึดทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น 341,797,811.58 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน
วันนี้ (2 ก.พ.) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัย ว่า พ.ร.ป ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 81 วรรคสองที่บัญญัติว่า ในคดีที่ร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินให้ผู้ถูกกล่าวหามีภาระการพิสูจน์ที่ต้องแสดงให้ศาลเห็นว่าทรัพย์สินดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการร่ำรวยผิดปกติไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 25 มาตรา 26 และมาตรา 27 วรรคหนึ่งและวรรคสาม
ทั้งนี้ คำวินิจฉัยดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก ศาลอุทธรณ์ส่งคำโต้แย้งของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ผู้คัดค้านที่ 1 และ นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ผู้คัดค้านที่ 5 ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ปช.1/2559 และคดีหมายเลขแดงที่ ปช. 1/2561ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ตามมาตรา 212 ว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 81 วรรคสองขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 25 มาตรา 26 และมาตรา 27 หรือไม่
โดย นายธาริต ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดฐานร่ำรวยผิดปกติ เนื่องจากมีพฤติกรรมให้ผู้อื่นถือทรัพย์สินแทนกว่า 346 ล้านบาท และ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.มาตรา 81 กำหนดให้อัยการสูงสุด หรือประธานป.ป.ช. ดำเนินการยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ตามมาตรา 80 ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับเรื่องจากคณะกรรมการป.ป.ชและภาระการพิสูจน์ทรัพย์สินให้เป็นหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหาที่ต้องแสดงให้ศาลเห็นว่าทรัพย์สินดังกล่าวมิได้เกิดจากการร่ำรวยผิดปกติ
หลังศาลคำสั่งให้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของ นายธาริต และ นางวรรษมล จำนวน 49 รายการ รวมมูลค่า 341,797,811.58 บาท พร้อมดอกผลของทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน