อดีตอธิบดีดีเอสไอ ดิ้นเฮือกสุดท้ายสู้ ศาล รธน.นัดพิพากษาชี้คำสั่งยึดทรัพย์ ฐานร่ำรวยผิดปกติ ขัด รธน.หรือไม่ 2 ก.พ. เจ้าตัวลั่นบุคคลต้องได้รับความคุ้มครองทาง กม.เท่าเทียมกัน
วันนี้ (12 ม.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมปรึกษาคดีที่ศาลอุทธรณ์ส่งคำโต้แย้งของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ผู้คัดค้านที่ 1 และ นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ผู้คัดค้านที่ 5 ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ปช.1/2559 และคดีหมายเลขแดงที่ ปช. 1/2561 มีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของนายธาริต และ นางวรรษมล จำนวน 49 รายการ รวมมูลค่า 341,797,811.58 บาท พร้อมดอกผลของทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มาตรา 212 ว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 81 วรรคสอง ที่ระบุว่า การที่ขอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินภายใน 90 วันหลังจากรับเรื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในคดีร่ำรวยผิดปกติ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 25, 26, 27 หรือไม่
โดยศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า คดีเป็นปัญหากฎหมาย และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่งกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติประเด็นว่า พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 81 วรรคสอง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 25, 26, 27 วรรคหนึ่ง และวรรคสามหรือไม่ในวันที่ 2 ก.พ. เวลา 09.30 น.
สำหรับคำคัดค้านของนายธาริตอ้างว่าคำสั่งยึดทรัพย์เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และเห็นว่า การตรากฎหมายจะมีผลต่อการจำกัดสิทธิเสรีภาพ หรือเป็นการเพิ่มภาระ และจำกัดสิทธิเกินกว่าเหตุไม่ได้ อีกทั้งบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน และไม่เลือกปฏิบัติ