“ทิพานัน” วอน “ทักษิณ” ยอมรับความจริงอันเจ็บปวด ร่ายยาวความสำเร็จฟื้นสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ ยก “บิ๊กตู่” วิสัยทัศน์ก้าวหน้าเหนือกว่า เตือน ยิ่งพูดยิ่งสะท้อนความไม่รู้จริง และล้าหลัง
วันนี้ (2 ก.พ.) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงที่ คุณทักษิณ ชินวัตร เสวนาในคลับเฮาส์ของกลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทยเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมาและได้กล่าวถึงความสำเร็จของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาในการเดินทางไปคืนความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียและตักเตือนรัฐบาลอย่าคิดแต่ส่งแรงงานไร้ฝีมือ ต้องดึงเขาเข้ามาลงทุนด้วยรวมถึงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (health tourism) นั้น เห็นได้ชัดว่า คุณทักษิณ วิจารณ์จากความคิดที่ล้าหลังและไม่ได้เตรียมข้อมูลให้ครบถ้วน ทำให้รู้ว่า ดร.ทักษิณไม่รู้อะไรจริงในเรื่องที่เสนอความคิดเห็น ความจริงคือ รัฐบาลโดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้เจรจาและวางแนวทางกับทางซาอุดีอาระเบียไว้หมดแล้ว อีกทั้งยังได้เผยแพร่ 9 โอกาสอันมากมายมหาศาล ที่เฟซบุ๊ก เพจ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ไปแล้วเมื่อวันที่ 26 ม.ค. ที่ผ่านมาด้วย
เมื่อคุณทักษิณ คิดผิวเผินไม่นำเสนอข้อมูลที่ครบถ้วน จึงจะขอสรุปอธิบายความสำเร็จจากการเยือนซาอุฯ ของนายกรัฐมนตรีให้ฟังอีกครั้งว่า “9 โอกาสอันมากมายมหาศาล” ที่ไทย-ซาอุดีอาระเบีย ฟื้นฟูความสัมพันธ์กลับมาอยู่ใน “ระดับปกติ” อย่างสมบูรณ์นั้น มีดังนี้
โอกาสด้านแรงงาน ไทยไม่ได้ล้าหลังและจะส่งออกแรงงานไร้ฝีมือตามที่คุณทักษิณเข้าใจผิด ทั้ง 2 ประเทศร่วมกันที่จะเปิดโอกาสให้แรงงาน “มีฝีมือและกึ่งฝีมือที่มีศักยภาพ” จำนวนมากหลายล้านคนจากไทยเข้าทำงานโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามแผน “วิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย ค.ศ. 2030” ของซาอุฯ ในส่วนของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (health tourism) นั้น ก็ได้มีการพูดคุยเสนอถึงไทยมีความแข็งแกร่งด้านระบบสาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลก รวมถึงการให้บริการที่ต่างชาติประทับใจ ทำให้ไทยกลายเป็น “ศูนย์กลางทางการแพทย์” (Medical Hub) ที่ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะจากภูมิภาคตะวันออกกลางที่เป็น “นักท่องเที่ยวระดับพรีเมี่ยม” นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทย และรูปธรรมที่เกิดขึ้นแล้วคือ มีสายการบินตรงจากซาอุฯ ถึงไทยเริ่มเดือน พ.ค. นี้
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ส่วนโอกาสด้านการลงทุนและด้านพลังงานนั้น รัฐบาลวางแผนให้เกิดการร่วมวิจัยและลงทุน ทั้งในรูปแบบพลังงานดั้งเดิม พลังงานสะอาด และพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ชาติของทั้งสองประเทศ โดยซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศผู้ค้าและมีแหล่งสำรองน้ำมันอันดับต้นๆ ของโลก ตลอดจนมีวิทยาการด้านพลังงานที่ทันสมัย ส่วนไทยก็มีเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่พร้อมรองรับการวิจัย พัฒนา และการลงทุนแห่งอนาคต ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามนโยบาย BCG Economy ซึ่งสอดรับกับข้อริเริ่ม Saudi Green Initiative และ Middle East Green Initiative ของซาอุฯ และยังมองถึงโอกาสเปิดประตูทางการค้าให้กับนักลงทุน และ SME ไทย ในการแสวงหาลู่ทางการทำธุรกิจและการแสวงหาหุ้นส่วนทางการค้าได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ทั้งในซาอุดีอาระเบียและกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าตกแต่งภายใน และเฟอร์นิเจอร์ ในขณะที่ซาอุดีอาระเบียก็ส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศผ่าน
“กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ” ในด้านพลังงาน นวัตกรรม โทรคมนาคม อวกาศ เทคโนโลยีสีเขียว โครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ นี่ก็เป็นโอกาสของไทยเช่นกันสำหรับโอกาสด้านอื่นๆ พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่า คุณทักษิณ จึงได้มีการกล่าวถึงโอกาสด้านอาหาร ด้านความมั่นคง ด้านการศึกษาและศาสนา ด้านการกีฬา ไว้แล้ว ซึ่งคาดว่าการดำเนินการต่างๆ จะเป็นไปอย่างรวดเร็วหลังจากได้ยกระดับผู้แทนทางการทูต ทั้ง 2 ประเทศ จาก “อุปทูต” ให้กลับมาเป็นระดับ “เอกอัครราชทูต” ตามเดิม และมีแผนขยายจากความร่วมมือทวิภาคี “ไทย-ซาอุดีอาระเบีย” ไปสู่พหุภาคี “อาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ” (Gulf Cooperation Council : GCC) ในอนาคต
“เรื่องนี้เป็นความจริงที่เจ็บปวด แต่คุณทักษิณต้องยอมรับให้ได้ว่า ความสำเร็จในการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุฯ นั้นเป็นเรื่องที่ คุณทักษิณ หรือตัวแทน ไม่สามารถทำได้ในขณะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล และ คุณทักษิณต้องยอมรับความจริงอีกข้อว่า วิสัยทัศน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ก้าวหน้าและครอบคลุมมากกว่า ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากความจริงใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องการทำประโยชน์ให้ประเทศชาติและพี่น้องประชาชนชาวไทยโดยไม่ได้หวังผลทางการเมือง หรือ เงินทอนจากการทุจริตใดๆ เหมือนที่คุณทักษิณอาจคุ้นเคย” น.ส. ทิพานัน กล่าว