“สมศักดิ์” ลั่นดันร่าง พ.ร.บ.ป้องกันกระทำผิดซ้ำคดีรุนแรงทันใช้ปีนี้ สะท้อนภาครัฐไม่นิ่งเฉยแก้ปัญหาอาชญากรรม มั่นใจกฎหมายใหม่-กำไล EM ช่วยคุมพฤติกรรมคนร้ายได้
วันนี้ (29 ม.ค.65) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม รับมอบดอกไม้แสดงความขอบคุณการริเริ่มผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) มาตรการป้องกันการกระทำผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง จากกลุ่มนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า ปปร.25 นำโดย น.ส. ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายบุญเลิศ คชายุทธเดช อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)
โดย นายบุญเลิศ กล่าวว่า เราไม่เคยมีกฎหมายลักษณะแบบนี้มาก่อน ทำให้ไม่มีพลังขัดขวางลดการกระทำผิดของผู้เคยรับโทษ ซึ่งการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อสังคม พวกเราหวังว่าจะสามารถลดการกระทำผิดซ้ำและสร้างความปลอดภัยให้กับสังคมได้ และหวังอีกว่าจะผ่านการพิจารณาของรัฐสภาเพื่ออุดช่องว่างการแก้ปัญหาอาชญากรรม
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในตอนที่ตนเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม คนคาดหวังตนน้อยมากเพราะไม่ได้จบทางด้านกฎหมาย แต่ตนก็ศึกษาจนเข้าใจและหาผู้รู้มาช่วยกันคิดกันทำ จุดเริ่มต้นของการทำกฎหมายนี้เพราะมีหลายกรณีที่เกิดขึ้นจนสังคมวิพากษ์วิจารณ์หาว่าภาครัฐนิ่งเฉย เช่น กรณีนายสมคิด พุ่มพวง ที่พ้นโทษจากคดีฆ่าผู้หญิง 5 ศพ แล้วออกมาก่อเหตุซ้ำอีก ตนจึงให้ทีมงานค้นข้อมูลว่าประเทศที่เจริญแล้วทำอย่างไรบ้างในการป้องกันเรื่องแบบนี้ ตนจึงได้พบว่ามีกฎหมาย เมแกน ลอว์ ของสหรัฐอเมริกา ที่ถ้าสังคมรับรู้ว่าคนร้ายอยู่ที่ไหน ก็จะไม่มีคนตาย ซึ่งก่อนหน้านี้เรามีอาสาสมัครคุมประพฤติ จับตาดูผู้ที่เคยก่อเหตุคดีลักษณะดังกล่าว และมีการควบคุมโดยใช้กำไล EM และเราจึงเขียนกฎหมายขึ้นมาเพื่อกำกับการทำงานให้เหมาะสม
"การผลักดันกฎหมายนี้ผมไม่กังวลอะไรใดๆทั้งสิ้น เพราะผมยึดประโยชน์ของประชาชนและสังคมเป็นหลัก ผมจะพยายามทำกฎหมายฉบับนี้ให้เสร็จในสมัยรัฐบาลนี้เพื่อมีเครื่องมือเพิ่มเติมไว้รักษาความปลอดภัยเป็นหูเป็นตาให้กับสังคมโดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก และเชื่อว่าถ้าสังคมรับรู้ว่า มีบุคคลอันตรายอยู่ในสังคมนั้น ก็จะไม่มีคนตายอีก” นายสมศักดิ์ ระบุ
นายสมศักดิ์ ยังได้กล่าวฝากนักศึกษา ปปร.25 ด้วยว่า อยากให้เป็นส่วนหนึ่ง ร่วมกับ ส.ส. และสังคมร่วมกันผลักดันกฎหมายฉบับนี้ ส่วนการทำงานของตน จะเน้นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเพราะใช้งบประมาณและบุคลากรไม่มาก เราพยายามสะท้อนปัญหาระดมสมองกำกับนโยบายเพื่อเดินไปข้างหน้า.