“เสกสกล” ซัด “ชลน่าน” ไม่อายปากอายฟ้าดิน อ้างผลสำรวจองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ใส่ร้ายรัฐบาลทุจริต ชี้นำสังคม ด้อยค่าไทยฟื้นสัมพันธ์ซาอุฯ ชี้คะแนน CPI เปรียบกระจกสะท้อนผลงานรัฐบาล จะดีร้ายเชื่อนายกฯ รับฟังทุกความเห็น ทั้งในสภา ทั้งในโซเชียลฯ
วันนี้ (27 ม.ค.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ใช้ข้อมูลการสำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index หรือ CPI) ประจำปี 2564 ขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International หรือ TI) มาชี้นำสังคมอย่างไม่อายปาก ไม่อายฟ้าดิน กล่าวหารัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า มีทุจริตคอร์รัปชันมาก หวังด้อยค่าผลงานชิ้นโบแดง ที่สามารถฟื้นความสัมพันธ์สองราชอาณาจักร ไทย-ซาอุดีอาระเบีย ได้สำเร็จ สิ้นสุด 32 ปีแห่งความเย็นชา สู่ศักราชใหม่แห่งความร่วมมือ สร้างสรรค์ และพัฒนา โดยทั่วโลกให้ความสนใจและยกย่อง แต่พรรคเพื่อไทยกลับเจ็บจี๊ด หรือเกรงว่าพี่น้องอีสานที่เป็นฐานเสียงของตน และแรงงานไทย จะมีโอกาสได้ไปทำงานที่ซาอุฯ กว่า 8 ล้านตำแหน่ง มีเงินมีทองใช้ ชีวิตสุขสบายขึ้น แล้วจะลืม “โทนี่” นายทุนพรรค ที่ชอบเลี้ยงไข้ ไม่แก้ปัญหาให้ยั่งยืน เดี๋ยวคาถา “ประชานิยม” จะไม่ขลัง ใช่หรือไม่?
นายเสกสกล กล่าวต่ออีกว่า หาก นพ.ชลน่าน มิตรเก่า จะมีจิตเป็นกุศล รักชาติด้วยใจจริง อยากให้คะแนน CPI ของไทยสูงขึ้นได้ทันใจ ก็แค่ยกหูโทรศัพท์กราบกราน “เจ้าของพรรคตัวจริง” ให้ทำ 2 อย่าง “เพื่อชาติ” หรือเพื่อไทย สมชื่อพรรค โดย (1) กลับมาสู้คดี (2) กลับมารับกรรมที่ตนก่อ แต่หากจำไม่ได้ เป็นอัลไซเมอร์ ตนก็จะขอทบทวนให้พอสังเขป (1) คดีให้ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้เงินแก่เมียนมา 4 พันล้านบาท จำคุก 3 ปี (2) คดีทุจริตโครงการหวยบนดิน จำคุก 2 ปี (3) คดีให้นอมินีถือหุ้นชินคอร์ป และเข้าไปมีส่วนได้เสียในกิจการโทรคมนาคม จำคุก 5 ปี (4) คดีซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ จำคุก 2 ปี และอีกหลายคดีที่ใครๆ ก็ค้นหาข้อมูลจาก Google ได้ เพราะมันเป็นประวัติศาสตร์ที่เลวร้ายของบ้านเมืองตลอดไป คนไทยจะไม่ลืมเลือน ยกเว้นคนเพื่อไทยและสาวกโทนี่ที่ทั้งลืม ทั้งไม่เคยมองเห็นความผิดเหล่านี้เลย
สำหรับการที่ นพ.ชลน่าน สาธยายเสียยืดยาว หวังกล่าวหา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ว่า แทรกแซงการบริหารงานบุคคลของศาลยุติธรรม แต่งตั้งข้าราชการศาลยุติธรรมนั้น หากผิดจริง ผิดตรงไหน ก็ให้เอาปากกามาวง แต่ตนเชื่อมั่นว่า ทั้ง 2 ท่านได้ดำเนินการตามหลักการและหลักกฎหมาย โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่เหมือนกับอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ โยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ออกจากตำแหน่ง เพื่อเอื้อให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิง พจมาน ถือเป็นเครือญาติของตน ได้มีโอกาสขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ซึ่งถือว่าไม่ได้ทำเพื่อประเทศชาติ หรือประชาชน แต่เป็นการทำเพื่อพวกพ้อง เป็นการกระทำอันขาดคุณธรรม จริยธรรม เป็นเหตุให้ตกเก้าอี้กลางวันแสกๆ พ้นสภาพการเป็นนายกฯ ไปพร้อมๆ กับรัฐมนตรีอีก 9 คน ทั้งหมดนี้ก็เป็นความอัปยศของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในอดีต ใช่หรือไม่?
ส่วนเรื่องคะแนน CPI นั้น ที่เป็นเหมือนกระจกสะท้อนการทำงานของรัฐบาล จะดีจะร้าย ตนเชื่อว่า พลเอก ประยุทธ์ เป็นชายชาติทหาร รับฟังทุกความเห็น ทั้งในสภา ทั้งในโซเชียลฯ หากเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์และบ้านเมืองได้ประโยชน์แล้ว ก็มักจะนำมาปรับปรุงแก้ไขอยู่เสมอ ที่ผ่านๆ มา ก็ทำหลายเรื่อง เช่น (1) การจัดตั้งศาลคอร์รัปชันและสำนักอัยการคดีทุจริตฯ แก้กฎหมายกำหนดเงื่อนไขให้คดีคอร์รัปชันไม่หมดอายุความ มีบทลงโทษรุนแรงถึงประหารชีวิต (2) การเพิ่มศักยภาพและอำนาจให้ ป.ป.ช. สตง. และ ป.ป.ท. ในการตรวจสอบ จัดตั้งกองทุนสนับสนุนภาคประชาชนในการต่อต้านคอร์รัปชัน และจัดตั้งศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ให้ดำเนินการได้รวดเร็วแม่นยำยิ่งขึ้น (3) ลดเงื่อนไขการทุจริตและส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยออก พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง สามารถแก้ปัญหาทุจริตได้อย่างยั่งยืน แต่น่าเสียดายที่สิ่งดีๆ นพ.ชลน่าน และคนเพื่อไทย ไม่เคยยินดียินร้าย แต่กลับดีใจที่ประเทศไทยคะแนน CPI ลดลง ก็อยากจะควักหัวใจมาดู ว่า “4 ห้องหัวใจ” มีคนไทย-ประเทศไทยอยู่ในนั้นหรือไม่?