xs
xsm
sm
md
lg

"วิษณุ" ชี้เสี่ยงอุบัติการเมือง แนะอย่ายุบก่อนกม.ลูกเสร็จ ย้อนเตือนรบ.สนิมเกิดแต่เนื้อในตน ไม่ใช่ฝ่ายค้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รองนายกฯ ชี้รัฐบาลอยู่บนสถานการณ์เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุการเมือง เชื่อนายกฯเหนื่อย แนะต้องรีบหารือพรรคร่วมแก้วิกฤติ เสถียรภาพ อย่าชิงยุบสภาก่อนกฎหมายลูกเสร็จ เผยเคยเตือนรัฐบาลนี้ เรือเหล็กลำเล็ก สนิมเกิดแต่เนื้อในตนไม่ใช่จากฝ่ายค้าน


วันนี้ (20ม.ค.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการพรรคพลังประชารัฐมีมติขับ 21 ส.ส. ออกจากพรรค จะทำให้การพิจารณากฎหมายในสภาเกิดปัญหาหรือไม่ ว่า ตอนนี้ตอบไม่ถูกทางฝ่ายการเมืองจะต้องเป็นคนดูแลรับผิดชอบกันไป มาถามตนคงตอบไม่ได้ ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าประเมินจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่ารัฐบาลเสถียรภาพเป็นอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า ถือว่ายังเป็นรัฐบาล ซึ่งไม่นานก็จะหมดสมัยประชุมสภาฯอยู่แล้ว ฉะนั้นคงจะมีเวลาที่จะบริหารจัดการ แต่จะจัดการอย่างไรตนไม่รู้ อยู่ที่นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลจะช่วยกันคิด และยอมรับว่าปัญหามันเกิดแล้ว จะทำกันอย่างไรต่อไป

เมื่อถามว่า นายกฯจะสามารถตัดสินใจยุบสภาก่อนที่กฎหมายลูกจะเสร็จได้หรือไม่และกฎหมายลูกจะตกไปเลยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า หากนายฯยุบสภา กฎหมายลูกก็จะค้างอยู่อย่างนั้น หรือจะเรียกว่าตกไปก็ได้ เพราะเมื่อยุบสภาฯแล้วก็ไม่สามารถที่จะประชุมได้ เพราะกฎหมายนี้ต้องเข้าทั้งสองสภาฯซึ่งวุฒิสภาก็ไม่สามารถที่จะประชุมเองโดยลำพังได้ ก็จะค้างเท่ากับว่าไม่มีกฎหมายลูก และเมื่อมีการยุบสภา ก็ต้องมีการเลือกตั้งภายใน 45-60 วันแล้วจะเลือกกันอย่างไร ตนยังนึกไม่ออก และตนเคยตอบมาหลายเดือนแล้ว ถ้ามีเหตุเกิดยุบสภาขึ้น ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกัน

เมื่อถามว่าจะสามารถนำร่างที่มีอยู่มาออกเป็นพระราชกำหนดเลยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็มีผู้เสนอแนะอย่างนั้น แต่ตนไม่เห็นด้วย และคิดว่าไม่ใช่วิธีที่ฉลาด เพราะการออกเป็นพระราชกำหนด ถือเป็นการที่รัฐบาลกำหนดฝ่ายเดียว เท่ากับกติกานี้ รัฐบาลเป็นคนกำหนด ซึ่งจริงๆแล้ว รัฐบาลไม่ได้กำหนด กกต.เป็นผู้กำหนด และถ้ายุบสภาก็จะไม่สามารถใช้กฎหมายเดิมได้เพราะกฎหมายได้ถูกแก้ไขและประกาศใช้เรียบร้อยแล้ว แต่มันก็ต้องมีการจัดการเลือกตั้ง แต่จะจัดอย่างไรก็นึกไม่ออก นึกไม่ออกจริงๆนะ ซึ่งตนเองเคยถาม กกต.แล้ว กกต.ก็ยังบอกว่าคิดไม่ออก ดังนั้นจะอย่างไรก็ควรจะให้กฎหมายลูกออกมาก่อนเพื่อเป็นกลไกลและเครื่องมือในการจัดการเลือกตั้ง

เมื่อถามว่า การพิจารณากฎหมายลูกของทั้งสองสภาหากใช้เวลาที่สั้นที่สุดจะใช้เวลาเท่าใด นายวิษณุกล่าวว่า ยังต้องใช้เวลายาวอยู่ดี แต่จริงๆแล้ว อาจจะเร็วได้ แต่ถ้าเร็วแล้วมีการแก้อะไร ต้องถามว่า กกต.พอใจหรือไม่ ตามที่แก้ ถ้า กกต.ไม่พอใจ มีสิทธิ์ที่จะส่งไปให้สภาแก้ไขใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลา แต่ถ้าทุกอย่างราบรื่นประมาณ 1 เดือนก็จะเรียบร้อย และตนเองก็คิดว่าไม่สามารถราบรื่นได้ เชื่อว่าทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลก็อยากจะแก้ เมื่อแก้ก็ต้องไปถาม กกต.อีก และถามว่าทำไมต้องแคร์ กกต. ก็ต้องตอบว่า กฎหมายได้เขียนไว้อย่างนั้น โดยล็อคเวลาไว้ และตอนนี้กฎหมายลูกทาง กกต.ก็จะส่งกลับมาที่รัฐบาล และจะนำเข้าสู่ ครม. อังคารที่ 26. มกราคม โดยสามารถส่งต่อสภาได้เลย

เมื่อถามว่า โดยวิสัยแล้ว นายฯไม่ควรจะยุบสภา ก่อนกฎหมายลูกเสร็จใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ใช่ คืออย่างนั้น เมื่อถามว่า หนทางการลาออกของนายกฯสามารถทำได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ได้ แต่มันจะแก้ปัญหาอะไรได้ ก็เลือกนายกฯใหม่ แต่ยังคงเป็นสภาเดิม เสียงยังอยู่อย่างเดิม ใครอยู่พรรคไหนก็อยู่พรรคนั้นอย่างเดิม จะย้ายพรรคยุบพรรคไม่ได้

เมื่อถามว่าการที่ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ต้องการให้ขับตัวเองออกเพื่อไปอยู่พรรคใหม่ ในข้อกฎหมาย กกต.สามารถทำได้หรือไม่ เพราะดูเหมือนกรณีของพรรคพลังประชารัฐผู้ที่ถูกขับออกไม่มีความผิดร้ายแรง นายวิษณุกล่าวว่า การขอก็ขอไปเถอะ ไม่เป็นไร อยู่ที่ว่าพรรคที่ถูกขอ เจ้าของพรรคนั้นเขาว่าอย่างไร และมีมติอย่างไร เมื่อถามว่า กกต.มีสิทธิ์ไม่เชื่อได้หรือไม่ ในลักษณะของการสร้างเรื่องให้ขับออก นายวิษณุกล่าวว่า ตนคิดว่าในอดีตที่มีการถูกขับออกแล้วไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีงูเง่า ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญบอกขับไม่ได้ ต้องเป็นอะไรทำนองนั้น สรุปทุกอย่างอยู่ที่พรรค เป็นเรื่องภายในของพรรค

เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจำนวน ส.ส.ลดลงไปจะมีปัญหาอะไรตามมาหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ในอดีตเคยมีคล้ายๆอย่างนี้ แต่ไม่ถึงขนาดนี้ แม้เสียงของพรรคจัดตั้งรัฐบาลหายไปก็ยังถือเป็นเสียงข้างมาก ซึ่งหมายถึงผสมกับพรรคร่วมรัฐบาล เราอย่าไปคิดว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นเสียงข้างมาก ในอดีตพรรคกิจสังคม มีเสียงเพียง 18 เสียงแต่จับมือรวมกันเป็นเสียงข้างมากก็จัดตั้งรัฐบาลได้ และก็ไม่เรียกว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ถือว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก

เมื่อถามว่า จากสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น ซึ่งมีความหมิ่นเหม่ ถึงเวลาที่จะต้องตีความสถานะ 8ปีของนายกฯหรือยัง นายวิษณุ กล่าวว่า เราไปเอาสถานการณ์หนึ่งมาใช้กับเหตุการณ์หนึ่งคงไม่ได้ ถือเป็นโจกท์คนละข้อ เรื่องของนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องของนายกฯเป็นเรื่องของรัฐบาล แต่สภาจะเป็นอย่างไร เขาไม่ได้เอามาเป็นตัวแปร ปัจจัยอะไรตรงนี้ ถ้านายกฯลาออกหรืออะไรก็ว่าไปอย่าง แต่ตอนนี้ ยังไม่มีเหตุอะไร

เมื่อถามว่า นายกฯได้มาหารืออะไรด้วยหรือไม่ หลังเกิดสถานการณ์การเมืองไม่ปกติ นายวิษณุกล่าวว่า นายกฯยังไม่ได้หารืออะไร และยังไม่ได้เจอกัน เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น รอสักพัก เพราะตอนนี้คิดว่าคงไม่มีใครตอบอะไรได้ทั้งนั้น ทุกคนกำลังอ่านเกมส์ อ่านกติกาอยู่ และหาทางออก และต้องถามคนมีอำนาจที่ถูกต้อง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล ตนคงตอบอะไรให้ไม่ถูก

เมื่อถามว่า วันนี้รัฐบาลถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใช่ สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองได้ตลอดเวลา ซึ่งนายกฯจะต้องรีบแก้ และไม่ใช่นายฯอย่างเดียวพรรคร่วมรัฐบาลด้วยต้องรีบแก้

“ผมถึงเคยพูดตั้งแต่ตอนตั้งรัฐบาลสองปีที่แล้วว่า รัฐบาลเป็นเรือเหล็ก แต่เป็นเรือลำเล็ก และสนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อในตน มันไม่ได้มาจากฝ่ายค้าน” วิษณุกล่าว

เมื่อถามว่า วันนี้ถือว่านายกฯอยู่ในภาวะที่เหนื่อยหนักใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใช่ ส่วนพรรคร่วมจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ตนไม่รู้ ถ้าถามตนว่าจะมีแนวทางอะไรให้นายกฯหรือไม่ ตนคงตอบผ่านสื่อไม่ได้ และในความเป็นจริงตนก็ไม่เกี่ยวด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น