เปิดเมกะโปรเจกต์ตำรวจไทย 4 พันล้าน สวัสดิการ “ลุงตู่” สู่ “บิ๊กปั๊ด” ไฟเขียวสร้างแฟลตตำรวจพ่วงที่จอดรถ 6 อาคาร สูง 14 ชั้น อ้างเพื่อศักดิ์ศรีตำรวจไทย ที่ไร้บ้าน-เงินน้อย-ระดมพลง่าย ให้ ขรก.ในสังกัด 12 หน่วยงาน พื้นที่สโมสรตำรวจ ย่านบางเขน แยกชั้นสัญญาบัตร 2 อาคารๆ ละ 438 ห้อง ชั้นประทวน 2 อาคารๆ ละ 441 ห้องพัก อาคารที่ทำการ-จอดรถยนต์ 2 อาคาร
วันนี้ (11 ม.ค. 65) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เวียนหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แจ้งมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 4 ม.ค. 65
ภายหลัง ครม. เห็นชอบตามสำนักงบประมาณ กรณี ตร. เสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โครงการ “อาคารที่ทำการพร้อมที่จอดรถและอาคารที่พักอาศัยข้าราชการตำรวจ จำนวน 6 อาคาร”
วงเงินรวม 4,089,480,000 บาท เป็นคำของบประมาณปี 2566 จำนวน 817,896,000 บาท และเป็นภาระผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 - ปีสิ้นสุดระยะเวลา ดำเนินการอีก จำนวน 3,271,484,000 บาท
โดยเป็นพื้นที่ว่างอยู่ในบริเวณพื้นที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,778 ห้องพัก แยกเป็น อาคารที่ทำการ ขนาด 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร อาคารที่จอดรถยนต์ ขนาด 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร
“อาคารที่พักอาศัยข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ขนาด 14 ชั้น จำนวน 2 อาคารๆ ละ 438 ห้องพัก รวม 2 อาคาร รวมห้องพักจำนวน 876 ห้องพัก อาคารที่พักอาศัยข้าราชการตำรวจชั้นประทวน ขนาด 14 ชั้น จำนวน 2 อาคารๆ ละ 441 ห้องพัก รวม 2 อาคาร รวมห้องพักจำนวน 902 ห้องพัก”
ให้นำความเห็นของกระทรวงการคลัง (กค.) และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ไปพิจารณาดำเนินการต่ออย่างเคร่งครัด ภายหลัง ตร.รายงาน ครม.ตามกฎหมายกรณีโครงการมีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป
ทั้งนี้ กค.เห็นว่า ตร.ได้จัดทำรายละเอียดข้อมูลที่หน่วยงานของรัฐต้องเสนอตามบทบัญญัติ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และประกาศ คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐแล้ว
“แผนดังกล่าวสอดคล้องเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อย มีที่พักอาศัยเพียงพอกับจำนวน อยู่ใกล้กับสถานที่ทำงาน เพื่อให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง รวมถึงหน่วยงานสามารถเรียกระดมกำลังได้ในทันที”
ขณะที่ ทส. เห็นว่า โครงการนี้เข้าข่ายเป็น โครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีเอชไอเอ)
สำหรับโครงการดังกล่าว เป็นคำสั่งเดิม ภายหลังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ นร 0404/ว 362 ลงวันที่ 20 ก.ค. 2561 เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การจัดสวัสดิการโนด้านที่พักอาศัยให้แก่ ข้าราชการผู้มีรายได้น้อยกลุ่มต่างๆ เช่น ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร เป็นต้น
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประชุมมอบนโยบายผู้บริหาร ตร. เมื่อ 2 ส.ค. 2562 โดยมอบนโยบายในการดูแลสวัสดิการดังกล่าว
ทั้งนี้ พบว่า คำขอบประมาณที่เสนอ ครม. ดังกล่าว ระบุตอนหนึ่งว่า ตร.มีภารกิจการควบคุมฝูงชนหรือกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องสามารถระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปปฏิบัติหน้าที่ และภารกิจดังกล่าวได้ตลอด 24 ชั่วโมง และเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความจำเป็นที่จะต้องมีสถานที่พักที่อยู่ใกล้ กับสถานที่ทำงาน เพื่อให้สามารถเรียกระดมกำลัง
ที่ผ่านมา หน่วยงานต่างๆ ของ ตร. มีอาคารที่พักไม่เพียงพอกับจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยหน่วยงานต่างๆ มีความต้องการอาคารที่พักเพิ่มเติมให้มีจำนวนเพียงพอรองรับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อย รวมทั้งสิ้น 12,070 ห้อง ประกอบด้วย
กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีความต้องการอาคารที่พัก 5,985 ห้อง กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 881 ห้อง สำนักงานกำลังพล 610 ห้อง กองบัญชาการตำรวจสันติบาล 1,627 ห้อง สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ 244 ห้อง
สำนักงานงบประมาณและการเงิน 192 ห้อง สำนักงานคณะกรรมการราการตำรวจ 194 ห้อง กองสารนิเทศ 69 ห้อง สำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติ 93 ห้อง กองวินัย 76 ห้อง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ 418 ห้อง และโรงพยาบาลตำรวจ มีความต้องการ 1,471 ห้อง
กอรปกับ ตำรวจชั้นผู้น้อย ได้รับเงินเดือนในอัตรา 10,760 บาท ต่อเดือน และไม่สามารถเบิกค่าเช่าบ้านได้ เมื่อมีอาคารที่พักไม่เพียงพอ ทำให้ตำรวจชั้นผู้น้อยต้องทำการเช่าบ้านพัก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5,500-7,000 บาทต่อเดือน ทำให้มีเงินเดือนหลังหักค่าเช่าบ้านพักเหลือ ประมาณ 3,760-4,260 บาทต่อเดือน
“ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนที่เหลือดังกล่าวในการเลี้ยงชีพ เหลือเงินจำนวนที่น้อยมาก ไม่เพียงพอเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพได้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ไม่ดี เกิดความกดดัน บีบคั้น และต้องดิ้นรนในการหาอาชีพเสริมหรือรายได้จากทางอื่น เพื่อให้มีเงินรายได้เพียงพอ ขาดขวัญกำลังใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ และไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”