มีผู้เสียชีวิต 19 ราย ในนั้นเป็นเด็ก 9 คนและหลายสิบคนได้รับบาดเจ็บ จากเหตุไฟไม้อาคารอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในย่านเดอะบร็องซ์ ของนครนิวยอร์กในวันอาทิตย์ (9 ม.ค.) นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายสิบรายบาดเจ็บสาหัส อาการเป็นตายเท่ากัน
เอริค อดัมส์ นายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ยืนยันมีผู้เสียชีวิต 19 คน จากเหตุไฟไหม้ที่ปะทุขึ้นตอน 11.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ในอาคารอพาร์ตเมนต์ 19 ชั้นหลังหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่เผยว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บราวๆ 60 คน และในนั้น 32 คนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล อาการสาหัสเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
"วันนี้ เราสูญเสียเพื่อนบ้านของเราไป 19 คน มันเกินกว่าความเศร้าโศก กรุณาร่วมกับผมสวดมนต์ภาวนาถึงบรรดาบุคคลที่จากเราไป โดยเฉพาะเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา 9 ราย ที่ชีวิตต้องมาจบลงในช่วงเวลาอันสั้น" อดัมส์เขียนบนทวิตเตอร์
ช่างภาพของรอยเตอร์ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุเมื่อวันอาทิตย์ (9 ม.ค.) พบเห็นหน่วยฉุกเฉินกำลังปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพด้วยวิธีปั๊มหัวใจ (CPR) ผู้พักอาศัยอย่างน้อย 8 ราย บริเวณด้านหน้าอาคาร ทีมดับเพลิงพร้อมด้วยสายฉีดน้ำดับเพลิงกำลังเร่งดำเนินการสยบควันที่พวยพุ่งออกจากตัวตึก และพบเห็นหนึ่งในนั้นกำลังทุบกระจกห้องบริเวณชั้นบน เพื่อปล่อยให้ควันลอยออกมา
ดาเนียล นิโกร คณะกรรมการหน่วยดับเพลิงของเมืองนิวยอร์ก บอกว่า ยังอยู่ระหว่างสืบสวนเหตุไฟไหม้ครั้งนี้ พร้อมเผยไฟได้ลุกลามไปเกือบทุกชั้นของอาคาร ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าน่าจะมีต้นตอจากการที่ประตูของอพาร์ตเมนต์ในจุดที่ไฟเริ่มปะทุนั้นเปิดอยู่ และเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผลจากการสูดดมควันเข้าไปในปริมาณมาก และถูกพบบริเวณบันไดของทุกชั้น
อดัมส์ เปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นในวันอาทิตย์ (9 ม.ค.) ว่า มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงราว 200 คนที่ช่วยกันดับไฟ และบางรายออกซิเจนในถังหมดแล้ว แต่ยังตัดสินใจเดินหน้าปฏิบัติการต่อไปเพื่อช่วยเหลือผู้คนออกจากอาคาร
เหตุการณ์นี้ถือเป็นเหตุไฟไหม้อาคารที่พักครั้งร้ายแรงหนที่สุดในสหรัฐฯ ในรอบสัปดาห์ หลังจากเพิ่งมีผู้เสียชีวิต 12 ราย ในนั้นเป็นเด็ก 8 คน ในตอนเช้าวันที่ 5 มกราคม จากเหตุเพลิงไหม้อาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่งในฟิลาเดลเฟีย
"ฉันสยดสยองต่อเหตุไฟไหม้ครั้งร้ายแรงในย่านเดอะบร็องซ์ในวันนี้ หัวใจของฉันขออยู่เคียงข้างทุกคนที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป ทุกคนที่ได้รับผลกระทบ และขอเคียงข้างวีรบุรุษหน่วยดับเพลิงนิวยอร์กของเรา" เคธี โฮชุล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กทวีตข้อความในวันอาทิตย์ (9 ม.ค.)
(ที่มา : รอยเตอร์)
