ข่าวปนคน คนปนข่าว
** เรื่องหมูๆ ไม่หมู ลุงจะฝากความหวังไว้ที่ “จุรินทร์-เฉลิมชัย” ได้หรือ?
ว่าด้วยเรื่องหมูแพง ทั้งกระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงเกษตรฯ ในการกำกับดูแลของพรรคประชาธิปัตย์ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรค และ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เลขาธิการพรรคกำลังถูกตั้งคำถามอย่างหนัก
เนื่องเพราะตอนนี้เรื่องหมูๆ เอาเข้าจริงๆ นั้น ไม่หมูอย่างที่คิด แถมยังมีเรื่องปกปิด ข้อมูลโรคระบาดของเชื้ออหิวาต์แอฟริกาในหมู หรือ ASF ที่ข้อมูลอินไซต์ในวงการผู้เลี้ยงหมูรู้กันมานานแล้ว แต่กรมปศุสัตว์ และกระทรวงเกษตรฯ กลับบริหารจัดการแบบ “ซุกขยะ” ไว้ใต้พรม ทั้งๆ ที่เป็น “ต้นเหตุ” สำคัญของเรื่องหมูแพง
ซุกไปซุกมา หมูตายไปเป็นเบือ จนปัญหาทุกอย่างมันปูดด้วยตัวเอง ปริมาณหมูออกสู่ตลาดน้อยลง ทำให้กลไกราคาขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยมองไม่เห็นก้นเหวว่าความผิดปกตินี้จะไปสิ้นสุดเมื่อไหร่ เวลาใด
จริงอยู่แม้รัฐบาลจะมาบอกปัดไม่ได้ปกปิด บิดบัง ข้อมูลโรคระบาด และก่อนหน้านี้ ออกมาตรการเฉพาะหน้า การแก้ปัญหาหมูแพง ในระยะเร่งด่วน ห้ามส่งออกสุกรมีชีวิต ช่วยเหลือราคาอาหารสัตว์ ไม่เก็บธรรมเนียมในการนำเข้า จัดสินเชื่อพิเศษโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อให้เกษตรกรกลับมาเลี้ยงหมูใหม่
ที่กล่าวมาแล้ว ก็ต้องย้อนกลับมาที่เดิม คือ เมื่อโรคระบาดยังแก้ไม่ได้ หรือไม่ได้แก้ จะให้เลี้ยงหมูใหม่ แล้วเกษตรกรที่ไหนจะกล้ากลับมาเลี้ยง!!
ว่ากันว่า ที่ผ่านมา กรมปศุสัตว์ไม่ยืนยันว่า มีโรคอหิวาต์แอฟริกาหมูระบาดในไทย เพราะหากมีการติดโรค ก็ต้องทำลายทันที ผลกระทบต่อทั้งผู้เลี้ยง และเสี่ยงต่อการที่ผู้บริโภคจะไม่เชื่อมั่นที่จะกินหมู จึงละล้าละลังที่จะแก้ไข
ดังที่ “วีระวัฒน์ ภัทรศักดิ์กำจร” อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ฟันธงลงไปว่า ปรากฏการณ์ราคาเนื้อหมูแพงในขณะนี้ ว่า สาเหตุหลักเป็นเพราะเกิดโรคระบาดในหมู จนทำให้หมูล้มตายเป็นจำนวนมาก อาจเทียบเคียงกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา นั่นคือ โรคระบาดที่เกิดขึ้นในวัว ที่ชื่อว่า “โรคลัมปี สกิน” หรือ LSD
การเกิดโรคระบาดในหมู สะท้อนถึงประสิทธิภาพและการวางมาตรการรองรับที่อาจไม่ดีพอของกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรฯ
“อ.วีระวัฒน์” ชี้ว่า เหตุการณ์นี้ มีเบื้องลึกเบื้องหลังหรือมีอะไรที่ซ่อนเร้นอยู่หรือไม่ แต่ว่า ณ จุดนี้ คงเป็นเรื่องยากที่จะกลับไปแก้ที่โครงสร้าง หรือกลับไปที่การป้องกันตั้งแต่แรก
ที่น่าสนใจคือ เมื่อปีที่ผ่านมา ผู้บริหารของกรมปศุสัตว์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ประเทศไทยไม่มีโรคอหิวาต์ AFS ในหมูอย่างแน่นอน แต่ผลการตรวจสอบของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กลับพบโรคระบาดในปี 2564 ซึ่งก็คือปีที่แล้ว คำถามคือ มีการปิดข่าวหรือไม่ ความรับผิดชอบโดยตรงก็จะต้องตกอยู่ที่กรมปศุสัตว์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ฟังว่า เมื่อข้อมูลชี้ไปในทางการบริหารที่ล้มเหลว และมีเค้าว่า “ปิดข่าว” กัน “นักร้อง” ขาประจำอย่าง “ศรีสุวรรณ จรรยา” เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ก็ไวพอที่จะ “คว้าแสง” มาหาตัวเอง หลายๆ เรื่องที่เขาร้องจะเข้าท่าเข้าทีหรือไม่ นั่นอีกเรื่องหนึ่ง แต่กรณีนี้ต้องบอกว่า โดนตรงประเด็น
นักร้องเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 10 มกราคมนี้ เวลา 10.00 น. เขาจะเดินทางไปร้องเรียนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ.นนทบุรี เพื่อเอาผิด “อธิบดีปศุสัตว์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กรณีปล่อยให้ “หมูแพง” โดยข้อกล่าวหาฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
โดยเฉพาะการปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดของเชื้ออหิวาต์แอฟริกาในหมู หรือ ASF ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 อันเป็นข้อพิรุธที่อาจเชื่อได้ว่า เอื้อประโยชน์ให้นายทุนใหญ่ส่งออกหมูได้ แต่คนไทยทั้งประเทศต้องรับกรรม เพราะหมูขาดตลาด ทำให้ราคาแพง โดยที่รู้ปัญหามาตั้งแต่ต้นกลับเพิกเฉย มาออกมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาก็สายไปเสียแล้ว ถือได้ว่า ล่าช้าเกินสมควร ฯลฯ
งานนี้จึงมีคำถามไปถึง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องหมูๆ ตอนนี้ไม่หมูแล้ว หมูแพง เป็นวาระแห่งชาติที่ต้องแก้กันทั้งระบบห่วงโซ่ จะปล่อยให้ “จุรินทร์-เฉลิมชัย” มะงุมมะงาหรา แก้ปัญหาลูบหน้าปะจมูกไป ประชาชนทนทุกข์ เกษตรกรไม่มีอนาคตแบบนี้ ได้หรือ ?
งานนี้ ถ้าลุงจะเอาจริงเอาจัง ควรมีคน “เก้าอี้ร้อน” ต้องลงดาบให้เด้งพ้นตำแหน่งกันบ้าง ส่วนจะเป็นใครระหว่าง อธิบดีกรมปศุสัตว์-รมว.เกษตรฯ หรือ รมว.พาณิชย์ ก็สุดแท้แต่ลุง.
**อาการไม่พึงประสงค์ วัคซีน VVIP “ธนาธร” ออกฤทธิ์ทำสามกีบเงียบกริบ
เกลียดปลาไหลแต่กินน้ำแกง ปากว่าตาขยิบ พังเพยโบราณว่าไว้ดูจะเข้ากับคำอธิบายกรณี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า ถูก “ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์” จับโป๊ะ โพสต์แฉเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนโควิด พร้อมระบุข้อความว่า “ไอ้ตี๋เอ๊ย ออกมาด้อยค่าวัคซีน โจมตีสถาบันและทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ แต่รีบไปฉีด AstraZeneca และเป็นลอตที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ด้วย ทำไมทำให้ประชาชนสับสน แต่ตัวเองไปขอฉีดก่อนประชาชน???”
เอกสารที่ว่า บ่งบอกถึงรายละเอียดที่ “ธนาธร” เข้าไปฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ลอตที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 64 เวลา 19.15 น. สถานที่คือ โรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์ จ.สมุทรปราการ
เรียกว่า ทั้งช่วงเวลาและสถานที่ฉีดวัคซีน “ธนาธร” ถูกมองว่า เป็นอภิสิทธิ์ชน VVIP กว่าใครๆ สวนทางกับสิ่งที่ ธนาธร พยายามเรียกร้องและปลูกฝังความเชื่อให้กลุ่มเยาวชนสามกีบ ต่อสู้ให้สังคม “เท่าเทียม” กัน
เมื่อ “โป๊ะแตก” แน่นอนว่า ชาวเน็ตต่างแห่แหนเข้ามาขุดคุ้ยกันต่อ สิ่งที่คอมเมนต์กันมาก อาทิ ยิ่งขุดยิ่งเจอ เรื่อง วัคซีน VVIP ตกลง ธนาธร Walk In เข้า รพ. หรือ รพ. Walk In มาหาให้ธนาธร มีคนตั้งข้อสงสัยกันแล้ว จากเพจปากน้ำคุยอะไรกัน ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ ตอนนี้ ธนาธร กำลังโดน Social Footprint อดีตกำลังตามล่าคุณ
หรือ ส.ส.ก้าวไกล ได้ฉีด ไม่แปลกหรอก เพราะได้สิทธิ ส.ส. แต่คนโดนตัดสิทธิไปแล้ว ไม่มีตำแหน่งใดๆ กลับได้คิวพิเศษ มีจนท.โทรตาม ให้ขับรถข้ามจังหวัดไปแย่งวัคซีน ที่ควรให้กับคนแก่กลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ฉีด นี่มันคืออะไร ?
รวมความแล้ว สงสัยกันว่า “ธนาธร” เอาสิทธิอะไรไปฉีดวัคซีน และ มีคำถามตามมาอีกมากมาย
“ดร.เสรี วงษ์มณฑา” บรรณาธิการบริหาร เพื่อวางกลยุทธ์สื่อสาร ศบค. ก็เป็นหนึ่งในนี้ โดยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุคำถามที่ประชาชนสงสัยและอยากรู้จากกรณีของธนาธร ว่า เป็นกลุ่ม 608 หรือไม่ จึงได้ฉีดวัคซีนในช่วงเวลาดังกล่าว
ทำไมถึงยอมรับวัคซีน Astra ที่ผลิตโดย Siam Bioscience ที่ตัวเองเคยด้อยค่าด้วยความเท็จ
จริงหรือว่าเป็นวัคซีนเหลือก้นขวด แต่พอค้นหลักฐาน ก็พบว่า ฉีดกันทั้งครอบครัวหลายคนมาก ตกลงเขาได้รับวัคซีนก้นขวดกันทั้งตระกูลเลยเหรอคะ
ถ้าเป็นการบริการฉีดคนในพื้นที่ ก็ต้องถามว่าเขาเป็นคนในพื้นที่สมุทรปราการจริงเหรอคะ
พยาบาลที่นี่ทำไมขยันจังเลย ฉีดวัคซีนให้ประชาชนจนถึง 19 น.กว่า
ช่วง 17 น. จนถึง 19.15 น. ได้ฉีดให้ประชาชนคนอื่นไหม
ทำไมจึงมีการโทรไปตามให้มาฉีด เขาเป็นคนพิเศษในด้านใด
สุดท้ายตั้งคำถามต่อคำชี้แจงของ ผอ. เป็นตรรกะที่สมเหตุสมผลหรือไม่
“ดร.เสรี” ทิ้งท้ายไว้ว่า คำถามเหล่านี้ประชาชนอยากรู้ความจริง เพราะเป็นเรื่องของบุคคลสาธารณะ ที่เคยด้อยค่า ด่าบริษัท Siam Bioscience ด้วยความเท็จ แต่ใช้อภิสิทธิ์ ฉีดวัคซีนที่ตัวเองด่า
ใครมีคำตอบ ช่วยชี้แจงหน่อยนะคะ เชื่อว่าหลายคนอยากรู้ค่ะ”
งานนี้ “สามกีบ” ดูเงียบไปถนัดใจ แฮชแท็ก #Saveธนาธร ที่เคยงัดมาใช้ยามเพลี่ยงพล้ำก็หายไปเลย!!