ยิ่งแบนยิ่งพุ่ง! “ลูกหนัง ศีตลา” เปิดตัวซิงเกิลแรก คืนเดียวทะลุ 3 แสนวิว “3 นิ้ว”แพ้อีก “ดร.อานนท์” เปิดลึก “จุดบอด” คำพิพากษาม.112 ทำผิดอย่าง “วิตถาร พิสดาร พันลึก” ทำให้ใช้หลายศาสตร์ร่วมวิเคราะห์ วิธีสามกีบเอาตัวรอด
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(6 ม.ค.65) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น แพ้อีกแล้ว! 3 นิ้ว แห่แบน “ลูกหนัง ศีตลา” ทำยอดวิวเปิดตัวซิงเกิลแรก คืนเดียว พุ่งทะลุ 3 แสน
โดยระบุว่า หลังจากเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา เกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ H1-KEY จากค่าย Grand Line Group ได้ทำการโชว์เคสเปิดตัวซิงเกิลอัลบั้มแรก ขึ้นอย่างเป็นทางการ
โดยระหว่างการแถลงข่าว ลูกหนัง ศีตลา วงษ์กระจ่าง สมาชิกชาวไทยจากวง H1-KEY ก็ได้พูดถึงข่าวดรามาที่เกิดขึ้นก่อนเดบิวต์ จนกลายเป็นที่พูดถึงในสังคมออนไลน์ เรื่องที่ ตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง พ่อผู้ล่วงลับของเจ้าตัว ถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนเผด็จการ เคยร่วมชุมนุม กปปส. ก่อนที่ทางต้นสังกัดอย่าง Grand Line Group จะออกแถลงการณ์เพื่อชี้แจงว่า ในเวลานั้น ลูกหนัง ศีตลา ยังเป็นเพียงผู้เยาว์ที่เข้าไปมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ดังกล่าว
ในงานแถลงข่าว ลูกหนัง ศีตลา พูดถึงประเด็นดรามาว่า “อยากชี้แจงว่าฉันไม่ต้องการแสดงจุดยืนทางการเมืองใด ๆ ตอนนั้นยังเด็กมาก ตอนที่พ่อเข้าร่วมและฉันเองก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ฉันหวังอย่างยิ่งว่าคนไทยจะสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบได้แม้ว่าจะมีความเห็นที่แตกต่างกัน”
จนต่อมากลุ่ม 3 นิ้วไม่พอใจในคำชี้แจงของ ลูกหนัง ศีตลา จนได้ติดแฮชแท็ก #แบนลูกหนัง อีกรอบ ว่า ไม่ยอมรับคำที่เจ้าตัวพูด และไม่พอใจที่อ้างว่าตอนนั้นยังเด็กอยู่ ไม่รู้เรื่องการเมือง
แต่ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมากลุ่ม 3 นิ้วพยายามจะแบนใคร ก็ไม่เคยสำเร็จ เพราะอีกมุมหนึ่ง มีคนเข้าไปดูคลิปซิงเกิลแรก และให้การสนับสนุนลูกหนัง จนยอดวิวตอนนี้ จะเตะ 3 แสนวิว ในเวลาไม่ถึง 24 ชม. ทำให้มีกระแสดรามาของกลุ่ม 3 นิ้วตามมาว่า อย่าไปกล่าวถึงลูกหนัง ยิ่งพูดเขาจะยิ่งดัง
อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบในช่องยูทูป ค่าย Grand Line Group ได้เปิดแอคเคาท์ เมื่อเดือน พ.ย.64 ซึ่งผ่านมาได้ระยะ 1 เดือนกว่า แต่พบว่ายอดวิวทั้งหมดที่เข้าชม จนทะลุ 1 ล้านวิว และมีคอมเม้นต์จากต่างชาติเข้ามาชื่นชมผลงานเพลงดังกล่าวด้วย อีกทั้งยังมีคนไทยจำนวนมาก ที่ชื่นชมลูกหนัง ศีตลา ว่า เธอเก่งมาก และภูมิใจแทนตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง พ่อผู้ล่วงลับ ว่าถ้ารับรู้ได้ จะต้องภูมิใจในตัวลูกสาวมาก ๆ ที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ ในฐานะคนไทยที่เดบิวต์กับค่ายเพลงเกาหลี
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น แฉยับ “สามนิ้ว” ทำผิด ม.112 อย่าง “วิตถาร-พิสดาร” ไม่สมควรให้อภัย
เนื้อหาระบุว่า เรียกได้ว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจอย่างมาก และยังทำให้หลายๆคนต่างพากันสงสัยว่า เพราะเหตุใด กลุ่มผู้ชุมนุมที่กระทำความผิดชัดเจนใน มาตรา 112 จำนวนมาก กลับไม่ได้รับโทษตามที่สมควร จนถูกพูดถึง และวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง ต่างๆนานา
ล่าสุด ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
ผมอ่านคำพิพากษาฎีกามาตรา 112 มาหลายร้อยคดี พรินท์ใส่กระดาษ A4.ออกมาอ่านประมาณสามรีมครับ ผมบอกได้เลยว่าที่พวกสามกีบทำผิดมาตรา 112 อาญาและรัฐธรรมนูญมาตรา 6 นั้น แนวฎีกาในอดีตมีไม่เพียงพอ
คนพวกนี้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในทางทำลายล้างสถาบัน ดูหมิ่นสถาบันอย่างไม่สมควรให้อภัย ไม่เคยมีแนวฎีกามาก่อน จนต้องสร้างแนวฎีกาใหม่ในคำพิพากษาเยอะมากถึงจะพิพากษาได้ โดยต้องพิจารณาจากเจตนารมณ์ของกฎหมายประกอบกับการคิดวิเคราะห์ร่วมกับศาสตร์อื่นๆเช่น การละคร ศิลปะการแต่งกาย ภาษาศาสตร์ วรรณคดี ประวัติศาสตร์ มาประกอบด้วย
ไม่ใช่ว่าสามกีบไม่ทำผิดมาตรา 112 เพราะไม่มีแนวฎีกานะครับ แต่พวกนี้ทำผิดมาตรา 112 อย่างวิตถาร พิสดารพันลึก ด้วยเจตนาชัดเจนมากครับ
การศึกษาแนวฎีกาเก่าของมาตรา 112 ในอดีตไม่เพียงพอในการสอบสวนทำคดีมาตรา 112 ในขณะนี้เลยครับ
นี่คือประสบการณ์ตรงที่ผมได้ไปให้การในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญคดีเหล่านี้นับร้อยคดี
อ๋อ เป็นความจริงที่ไม่มีการสอนฎีกาคดีมาตรา 112 ในมหาวิทยาลัย คณะนิติศาสตร์ครับ
แน่นอน, ทั้งสองเรื่อง ต่างก็เกี่ยวข้องกับ ขบวนการ 3 นิ้ว หรือ สามกีบต่างกัน
เรื่องแรก เป็นแค้นระหว่าง “ตั้ว” ศรัณยู วงษ์กระจ่าง พ่อผู้ล่วงลับ กับขบวนการสามกีบ แต่มาลงที่ลูก หลังจาก “ลูกหนัง” โด่งดังเป็นพลุแตก แถมได้สังกัดในเกาหลี เป็นพะยี่ห้อให้อีกต่างหาก ก็ยิ่งชวนให้หมั่นไส้เข้าไปใหญ่ แม้ว่า แท้จริงแล้ว “ลูกหนัง” คือ ความภูมิใจของคนไทย แค่นี้ก็สะท้อนแล้วว่า ขบวนการสามกีบไร้สาระแค่ไหน แถมไม่เคยแยกแยะอีกต่างหาก ซึ่งโชคดีที่คนไทยและคนทั่วโลกไม่โง่ แยกแยะเป็น กระแสนิยมจึงปิดกั้นไม่ได้ และพุ่งกระฉูดตามความนิยมและฝีมือของเธอนั่นเอง
ส่วนเรื่อง คำพิพากษา ที่ทำให้ 3 นิ้ว รอดคดีนั้น นับว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง เนื่องเพราะมีการจับกุมดำเนินคดี ม.112 จำนวนมาก ในช่วงที่มีการเรียกร้อง “ปฏิรูปสถาบันฯ”
ประเด็น ที่กูรูด้านกฎหมายเคยชี้เอาไว้ ซึ่งไม่นับสิ่งที่ดร.อานนท์ มีประสบการณ์ตรงกับตัวเอง ก็คือ ในชั้นของตำรวจ และอัยการ มีความเข้าใจเจตนารมณ์ของกฎหมาย ม.112 หรือไม่ เรื่องนี้แม้แต่นักกฎหมายด้วยกันก็ยังตีความไม่ตรงกัน แต่ถ้ามีหลักฐานการทำผิดชัดเจน มีพยานหนักแน่นเพียงพอ การทำผิดสำเร็จแล้ว อย่างนี้ก็ไม่น่ามีปัญหา
ปัญหาก็อย่างที่ ดร.อานนท์ พยายามอธิบายว่า แม้จงใจทำผิด แต่ผู้ทำผิด ก็มักใช้วิธีหลีกเลี่ยง ด้วยศาสตร์ต่างๆ เพื่อให้รอดจากคำตัดสินของศาล ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ต้องหาที่ทำแบบนี้ได้ ก็ต้องเก่งด้านกฎหมาย และอย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีคนคอยแนะนำด้านกฎหมาย โดยเฉพาะการทำผิด ม.112
เพราะฉะนั้น ฝ่ายรักษากฎหมาย และบังคับใช้กฎหมาย ก็ต้องหาวิธีทำคดีให้รัดกุมมากขึ้น พยานหลักฐานคือ สิ่งสำคัญ ที่ต้องมีน้ำหนักเพียงพอ และเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย เพราะไม่เช่นนั้น นอกจากจะทำให้คดีนี้เข้าทางขบวนการ 3 นิ้วที่กล่าวหาอยู่แล้วว่า จับมั่ว ฟ้องมั่ว ละเมิดสิทธิ์ ยังไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าฟ้องแล้ว รอดทุกราย นอกจากเหตุผลทางการเมือง ซึ่งก็เข้าทางขบวนการ 3 นิ้วอีก
นี่คือ สิ่งที่อำนาจรัฐพึงระวัง เพราะไม่ต่างจากการทำตัวเองให้ขบวนการ 3 นิ้วเห็นว่า นั่นไงพวกเขาไม่ผิด ตราบที่ศาลยังไม่พิพากษา ทำไมไม่ให้ประกัน หนักเข้า ข้อต่อสู้นี้อาจมีน้ำหนักขึ้นมาทันทีก็เป็นได้ ไม่เชื่อคอยดู!!!