โทษใครดี? “ธนาธร-ปิยบุตร” อยากเปลี่ยนประเทศ แต่แผนล่ม เพราะพฤติกรรมลูกก๊วน? เจ็บ! กองหนุนจวก “ก้าวไกล” ดึงดาราเรียกเรตติ้ง แทนชูนโยบายอย่างที่เคยเชื่อมั่น แทบไม่หลงเหลือจุดยืน?
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (1 ม.ค. 65) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “ธนาธร-ปิยบุตร” อยากเปลี่ยนประเทศ แต่แผนล่ม เพราะพฤติกรรมลูกก๊วน!
โดยระบุว่า กรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้เคลื่อนไหวผ่านเพจเฟซบุ๊ก หลังเดินทางออกนอกประเทศไทย โดยระบุว่า “จบปีแห่งทุกข์ยากขวากหนาม มุ่งสู่ 2565 ปีแห่งความหวังและโอกาสสร้างการเปลี่ยนแปลง” พร้อมขอให้ประชาชนอย่ายอมแพ้
โดยเขียนข้อความว่า ประชาชนเจ้าของประเทศ ปี 2565 จะต้องเป็นปีที่ดีกว่าปีนี้ ขอให้เรา ประชาชน ก้าวต่อไปด้วยกัน อย่าเปลี่ยนใจ อย่าหมดไฟ อย่าหยุดฝัน
และก่อนหน้านี้ นายธนาธร ยังได้กล่าวกลางวงเสวนาด้วยว่า เชื่อว่า ประเทศมีโอกาสเปลี่ยนแปลง และยังมีหวังมากที่สุดในยุคนี้ด้วย ต่อมานายปิยบุตร เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้เคลื่อนไหวให้สัมภาษณ์สื่อ ถึงการวางเกมการเมืองระยะยาว 16 ปี พร้อมประกาศจะรื้อระบอบอุปถัมภ์
แน่นอนว่า การเคลื่อนไหวในปีนี้ ของคณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล จะมีทิศทางเดียวกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่า กลุ่ม 3 นิ้วที่เคยหนุนพรรคก้าวไกล มีท่าทีเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน หลังจากพรรคนี้โดนแฉเรื่องตั๋วส้ม ที่ใช้เส้นสายให้คนทั่วไปได้เข้ามามีบทบาทในพรรค รวมทั้งวีรกรรมของลูกพรรคที่ใช้ถ้อยคำดูถูกชาวบ้าน และยังมีผู้สมัคร ส.ส. ที่กำลังโดนขุดเรื่องการโพสต์หมิ่นเหม่ต่อสถาบันฯ อาจจะเป็นจุดที่ทำให้สังคมมองพรรคก้าวไกลเปลี่ยนไป
แม้กระทั่งพฤติกรรมของ นายพิธา ที่หนีโหวต จนเป็นประเด็นให้กลุ่ม 3 นิ้วหลายเสียง เทพรรคก้าวไกล เพราะถอดใจต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายครั้ง ดังนั้น การจะเปลี่ยนประเทศและวางเกมการเมืองของนายธนาธร และนายปิยบุตร นั้น อาจจะไม่สำเร็จ ไม่ใช่เพราะพลังกลุ่ม 3 นิ้ว คล้อยตามไม่มากพอ แต่อาจจะเป็นเพราะพฤติกรรมลูกก๊วน ที่ทำให้พรรคหมดความน่าเชื่อถือ
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น เจ็บอีกดอก! กองหนุนจวก “ก้าวไกล” รู้ทันแผน ดึงดารามาเรียกเรตติ้ง ส.ส. ไม่หลงเหลือจุดยืนของพรรค?
เนื้อหาระบุว่า หลังจากที่พรรคก้าวไกล ได้เผยแพร่ข่าวมติที่ประชุมก้าวไกลมีมติเอกฉันท์ ส่ง เพชร กรุณพล ลงเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ ก็มีทั้งเสียงตอบรับจากกองหนุน และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม จนมีกระแสเรื่องของตั๋วส้มที่ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุไว้ว่า ตั๋วส้ม = ตั๋วเส้นสายข้ามหัวคนทำงาน?
#คนไม่เท่ากัน #ให้มันจบที่รุ่นเรา ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รู้สึกคุ้นๆ กับตั๋วส้มบ้างไหมเอ่ย? ไปแจกใครไว้ช่วงที่ไปปงผางมาหรือเปล่า? คนสนิทของประธานคณะก้าวหน้า
กลายมาเป็นตัวแทนผู้ลงสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.จากพรรคก้าวไกลได้อย่างไร? พรรคก้าวไกลเป็นของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ใช่หรือไม่? นายธนาธรเคยเห็นอกเห็นใจคนทำงานที่เขาลงพื้นที่อยู่แล้วบ้างหรือเปล่า?
แบบนี้พอจะเรียกว่า #เผด็จการชนชั้นศักดินาส้มเน่า ได้ไหมครับ? นอกจากนี้ยังได้โพสต์ข้อความอีกว่า…ลาออกเป็นไทอยู่ไปเป็นทาส#ตั๋วส้ม #คนไม่เท่ากัน #พรรคชนชั้นศักดินา
แม้ว่าการลงพื้นที่ของ เพชร กรุณพล จะได้กระแสตอบรับที่ดีจากชาวบ้านย่านหลักสี่และพื้นที่จตุจักร แต่ก็มีบางเสียงมองว่าฉาบฉวย เพราะก่อนหน้านี้ ไม่เคยมาช่วยเหลืออะไรชาวบ้านอยู่แล้ว เพียงแค่อยากเข้ามามีบทบาทในพรรคการเมืองเท่านั้น อีกทั้งในโลกโซเชียล ยังมีการขุดข้อความเก่าๆ ที่เจ้าตัวคอมเมนต์ต่อว่า ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม และยังมีการหมิ่นเหม่ต่อสถาบันฯด้วย
ล่าสุด นายวิโรจน์ ส.ส.ก้าวไกล ได้ทวีตข้อความ ระบุว่า “มาช่วยพี่เพชร ด้วยการเป็นอาสาสมัครสังเกตการณ์การนับคะแนนเลือกตั้งกันได้นะครับ อยู่เขตไหนใน กทม. ก็สมัครได้ครับ” พร้อมแนบรูปภาพของเพชร เพื่อทำการโปรโมต จนมีกลุ่มกองหนุนพรรคก้าวไกล เข้ามาคอมเม้นต์ว่า “ระวังไฟดับตอนนับคะแนน พกไฟฉายแรงสูงติดตัวไปด้วย ตอนย้ายหีบคะแนนด้วย, ไม่เอารูปสิระ มาบลูลี่ แบบ คนรุ่นใหม่ คนเท่ากันอีกเหรอ
เอาน่า… มันช่วยแสดงให้เห็นถึง ความคิด วิสัยทัศน์ ของคนรุ่นใหม่ เลยเชียวนะ และเขาชอบเพราะพี่เขาเป็นดาราหรือเขาชอบพรรค”
ทั้งนี้ จะเห็นว่า บรรดาลูกก๊วนพรรคก้าวไกลต่างดัน เพชร กรุณพล สุดพลัง ในการลงเลือกตั้งซ่อม เพราะที่ผ่านมา เจ้าตัวก็มีการเคลื่อนไหวสนับสนุนพรรคก้าวไกลมาอย่างต่อเนื่อง แต่กลุ่มกองเชียรส่วนหนึ่งก็จับตามองอีกมุมว่า ครั้งนี้ก้าวไกลเลือกจะใช้ดาราคนดัง เข้ามาเรียกเรตติ้ง สร้างฐานเสียง แทนที่จะชูนโยบายของพรรคมาหาเสียงมากกว่าหรือไม่ด้วย
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ความพยายามเปลี่ยนแปลงประเทศของ คณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล ที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แม้บทสรุปของ “ปิยบุตร” จะยังคงเชื่อมั่นว่า ทำได้ดี ไม่ได้ล้มเหลวหรือ พ่ายแพ้ในการเปลี่ยนแปลงประเทศก็ตาม แต่ความเป็นจริงมันฟ้องอยู่แล้วว่าล้มเหลว?
กระนั้น กระแสวิจารณ์พยายามจะชี้เป้าไปที่จุดเล็กจุดน้อย เรื่องพฤติกรรมของลูกก๊วนเป็นส่วนใหญ่ แต่แท้จริงแล้ว ไม่เพียงแต่พฤติกรรมของลูกก๊วน ซึ่งส่วนใหญ่ ก็เป็นคนกลุ่มเดียวกันกับมวลชน 3 นิ้วนั่นเอง
หากแต่นับแต่อุดมการณ์พรรค แนวทางต่อสู้ทางการเมือง การสนับสนุนม็อบ 3 นิ้ว แกนนำคลั่งปฏิวัติล้มเจ้า และการเมืองในรัฐสภา ที่มุ่งเน้นโจมตีสถาบันฯ เป็นหลักใหญ่ คือ สิ่งที่พิสูจน์แล้วว่า “ล้มเหลว” คนไทยส่วนใหญ่ ไม่ยอมรับ และยังพร้อมต่อต้านอีกด้วย
ที่สำคัญ การเปลี่ยนแปลงประเทศ ที่เริ่มจาก “ปฏิรูปสถาบันฯ” ถือว่า เป็นก้าวแรกที่ล้มเหลวตั้งแต่กระบวนการคิดแล้ว เพราะไม่มีประเด็นร่วมของคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ แถมยังเป็นการย่ำยี หักหาญหัวใจคนไทยด้วย ไม่เชื่อก็ลองทำโพลสำรวจได้เลย
ส่วนพฤติกรรมม็อบ 3 นิ้ว ที่ก่อเหตุรุนแรง ทำผิดกฎหมายแทบจะรายวัน และพฤติกรรมลูกพรรคก้าวไกล รวมถึงการแสดงความเห็นของแกนนำ คือ ส่วนประกอบที่ลงตัว ก่อให้เกิดความล้มเหลวชัดเจนขึ้นอีกต่างหาก
สรุปว่า เป็นการสู้แบบเอาหน้าชนกำแพง อย่างที่ “ปิยบุตร” ให้นิยามกับม็อบ 3 นิ้ว แต่พวกตัวเอง ก็ไม่ต่างกัน หรือว่าไม่จริง?