“สิระ” สิ้นสภาพ ส.ส.คู่แค้นเย้ยหยัน ยังต้องถูกสภาฯเรียกเงินเดือนคืน กกต.ฟ้องอาญา **“สามนิ้ว” ตั้งสติหน่อย อยากได้ระบบดีไม่มีใครเถียง แต่ถ้าเจอคนเดือดร้อนอยู่ตรงหน้า ก็ต้องช่วยก่อนไม่ใช่หรือ

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** “สิระ” สิ้นสภาพ ส.ส. คู่แค้นเย้ยหยัน ยังต้องถูกสภาฯเรียกเงินเดือนคืน กกต.ฟ้องอาญา

โซเชียลฯคึกคักมาก หลังศาล รธน.มีคำวินิจฉัยว่า “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ สิ้นสมาชิกภาพลงตาม รธน.มาตรา 98(10) จากกรณีเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดของของศาลแขวงปทุมวัน ว่า กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริต ...ทำให้ตำแหน่ง ส.ส.ว่าง ลงนับแต่วันที่ศาลมีคำวินิจฉัย หลังจากนี้ กกต.จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งซ่อมภายใน 45 วัน

สำหรับ “สิระ” ก็จะต้องเจอดาบสอง ดาบสาม ตามมาเป็นไฟต์บังคับ นั่นคือ ต้องคืนเงินเดือน สิทธิประโยชน์ที่เคยได้รับจากสภาฯทั้งหมด เพราะผลจากคำวินิจฉัยถือว่าไม่เคยเป็น ส.ส.มาก่อน ... ต้องชดใช้ค่าเสียหายในการเลือกตั้ง และต้องถูกดำเนินคดีอาญาตามมาเป็นชุด

เรื่องคืนเงินเดือนและรายได้ทั้งหมดนั้น “สิระ” ได้เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง เดือนละ 113,560 บาท ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. 62 ถึง 22 ธ.ค. 64 ยังมีเงินเดือนผู้ช่วย ส.ส.ของสิระ อีก 7 คน แต่ละคนได้รับอยู่ในช่วง 15,000-20,000 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ ก็เป็น ค่าเบี้ยประชุม-ค่าเดินทางต่างๆ ระหว่างที่เป็น ส.ส. รวมแล้วก็น่าจะหลายล้านอยู่เหมือนกัน




ส่วน กกต.ก็มีหน้าที่ฟ้องเรียกค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้ง และฟ้องดำเนินคดีอาญา กรณีรู้ตัวว่าไม่มีสิทธิ ยังมาสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. โทษจำคุก 1-10 ปี และปรับ 20,000-200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี

ที่ว่าโซเชียลฯ คึกคัก เพราะ “สิระ” จัดอยู่ในประเภท ส.ส.ตัวจี๊ด มีแสงที่ไหน ต้องมีสิระที่นั่น มีคู่รักคู่แค้นทางการเมือง ทั้งในสภาฯ นอกสภาฯ เพียบ เมื่อเขาถูกพิพากษาให้สิ้นสภาพ ส.ส.คอมเมนต์ก็หลั่งไหลเข้ามา ส่วนใหญ่จะออกไปแนวทับถม สะใจ มากกว่าเห็นอกเห็นใจ!!

อย่างเช่น “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และประธาน กมธ. ป.ป.ช. ที่เป็นทั้งโจทก์และจำเลยกับสิระหลายคดี ทั้งยังเป็นผู้ร้องในเรื่องนี้ ... และคงจำกันได้ กับวาทะที่เขาเคยบอก “สิระ” นั่งลง ว่า “นั่งลงไอ้นักโทษ” ก็แถลงข่าวที่รัฐสภาทันที ถึงการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อมัดในคดีนี้ ก่อนจะทิ้งท้ายกับบรรดานักข่าวว่า รู้สึกไหมว่าตอนนี้พื้นสภาฯ สูงกว่าเดิมเยอะ!!


ส่วนคู่รักคู่แค้น อีกคนที่เกือบถึงขั้นวางมวยกับสิระ คือ “เต้ 007” มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ก็โพสต์ว่า...เสียใจด้วย เป็นนักเลงไม่ซ้ำเติมใคร พร้อมให้อภัยสิ่งที่ทำไว้ เหนื่อยมามากแล้ว ขอให้พักผ่อนให้สบาย จะดูแลชาวหลักสี่แทนเอง... “พี่เต้” ยังบอกว่า “หลวงพ่อป้อม” ที่ห้อยคออยู่นั้น ถอดทิ้งไปเถอะ

นอกจากนี้ ในโซเชียลฯ ยังมีการโพสต์รูปล้อเลียน อย่างรูปที่ “สิระ” โชว์พระหลวงพ่อป้อม วัดป่ารอยต่อ เหมือนกับว่าเรื่องนี้หลวงพ่อป้อมคุ้มครองไม่ได้ ...หรือ รูปที่ “สิระ” ลงไปนอนในโลง ซ้อมตาย ในการไล่อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้ลาออก เพราะแก้ปัญหาโควิดล้มเหลว ก็ถูกเอามาโพสต์ล้อเลียน ประมาณว่า วันนั้นตายหลอก วันนี้ตายจริง!!


เมื่อ “สิระ” ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ เชื่อว่า เขาต้องพยายามผลักดันให้ “สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ” ภรรยาของเขา ที่เคยเสนอกับพรรคว่าจะเป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตดอนเมือง ย้ายกลับมาลงสมัครเลือกตั้งซ่อม ในพื้นที่ของสิระ แต่พรรคจะเห็นด้วยหรือไม่ ต้องวัดใจทีมผู้บริหารพรรค !!


**“สามนิ้ว” ตั้งสติหน่อย อยากได้ระบบดีไม่มีใครเถียง แต่ถ้าเจอคนเดือดร้อนอยู่ตรงหน้า ก็ต้องช่วยก่อนไม่ใช่หรือ

ยังมีดรามาต่อเนื่อง หลังจาก “อาทิวราห์ คงมาลัย” หรือ “ตูน บอดี้สแลม” นักร้องแนวร็อกชื่อเสียงระดับเบอร์ต้นของเมืองไทย ประกาศทำโครงการ “ก้าวเพื่อน้องปีที่ 2 เวอร์ชวลรัน ๑๐๙ คำขอบพระคุณ” เพื่อสานต่อกิจกรรมวิ่ง ก้าวเพื่อน้องเวอร์ชวลรัน ในปี 2563 นำรายได้ทั้งหมดนำไปใช้สนับสนุนการศึกษาน้องๆ ที่จบชั้น ม.3 แต่ยังไม่มีทุนไปต่อ ม.ปลาย หรือสายอาชีพ จำนวน 109 คน ซึ่งทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะทางฟาก “กลุ่ม 3 นิ้ว” ที่ระดมปั่นแฮชแท็ก “#พี่ตูนวิ่งทำไม” กันอย่างเอิกเกริกในทวิตเตอร์

บ้างก็กล่าวหาว่า “พี่ตูน” ใช้ตัวเลขเพื่อ “โหนเจ้า” บ้างก็ว่า “พี่ตูน” แก้ปัญหาไม่ตรงจุด เพราะวิ่งช่วยได้แค่ 109 คน แต่ถ้า call out อาจจะช่วยได้ทั้งประเทศ ขณะที่บางคนก็บอกว่า “พี่ตูน” น่าจะวิ่งเพื่อเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ให้ทุกคนมีสิทธิทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมกันมากกว่า

ไม่เว้นแม้กระทั่ง “ตัวแม่” แห่งเวทีนางงามมิสแกรนด์อย่าง “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล" ที่ออกมาแซะ “พี่ตูน” ว่า ถ้าอยากจะช่วยเด็กๆ ช่วยเดินไปบอกนายกฯ และรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาฯ ให้พัฒนาการศึกษา และให้โอกาสการศึกษาแก่คนอย่างทั่วถึงดีกว่า ขณะที่ “อิสระ ฮาตะ” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง ที่ขอมีแสงกับเขาบ้าง ก็ออกมาแนะนำแกมประชดประชันว่า “ถ้าวิ่ง 250 กิโล เพื่อขอเงินเดือนทั้งหมดจาก ส.ว. 250 คน เอามาเป็นทุนการศึกษาให้น้องๆ ที่ด้อยโอกาส ผมจะไปวิ่งด้วยครับ”


กระแสดรามายังคงตามมาไม่หยุด เมื่อกูรูเรื่องรถคนดัง “พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ” ออกมาสวนกลับพวกที่แซะขา “พี่ตูน” อย่างเจ็บแสบว่า... “เพราะมึง (ตูน บอดี้สแลม) คนสุพรรณ กูคนชัยนาท ทำไมมึงไม่วิ่งสุพรรณ-ชัยนาท วิ่งวนไปวนมาแค่นั้นก็ได้ แต่นี่ มึงดันไปเลือกวิ่งบนหัวกระบาล บางคน มันจึงรู้สึกว่าส้นตีนของมึงกระแทกไปบนกระบาลของมันทุกฝีก้าว พูดง่ายๆ ว่า การวิ่งของมึงไปหนักหัวกระบาลมัน มันจึงออกมาโวยวาย ก็แค่นี้เองแหละ”

“วิ่งไปเถอะไอ้ตูน อย่าไปฟังเสียงหมาเห่าตามรายทาง วิ่งแล้วจะได้สามบาท ห้าบาท ก็ช่างแม่ง อย่างน้อยมึงก็ตั้งใจทำความดี ดีกว่ากูที่นอกจากจะไม่ทำเหี้ยอะไร นอกจากหอบข้าวของหนีออกจากโรงพยาบาลแล้ว กูยังด่าแม่งไปทั่วอีกว่ะ ตูนเอ๊ย”

ประโยคท้ายๆ นี่ “น้าเดช” แซะกลับไปถึงใคร ก็คงเดาได้ไม่ยาก!!

ขณะที่ “รัฐพล พรรณเชษฐ์” หรือ “เภา” อดีตมือกีตาร์วง “บอดี้สแลม” ก็คงจะเหลืออด ที่มีคนมาวิพากษ์วิจารณ์ “พี่ตูน” อย่างไม่เป็นธรรม จึงได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า “แซะตามกัน จนไม่ดูว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง ไม่มีใครเถียงว่าระบบที่ดีย่อมดีกว่าแน่นอน แต่การกุศลมันกลายเป็นผู้ร้ายตั้งแต่เมื่อไหร่

“มีประเทศไทยประเทศเดียวเหรอที่มีการรับบริจาค? ประเทศที่เจริญแล้วเค้าไม่มีมูลนิธิหรืองานการกุศล หรือยังไง? กับคนที่ไม่เห็นด้วยกับงานกุศลตั้งแต่ต้นยังเข้าใจได้ แต่พวกที่แซะตามกระแส ด่าตามๆ กัน แค่สนุกปาก คืออะไร ?

“แล้วคนที่หาว่าเค้าทำเพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง หาหลักฐานมาพิสูจน์ด้วยนะครับ ไม่ใช่ไปกล่าวหาเค้าลอยๆ เพราะถ้าไม่เป็นความจริง เค้าฟ้องคุณได้นะ”


ส่วน “โอม เปล่งขำ” มือคีย์บอร์ดวง “บอดี้สแลม” ก็แสดงความเห็นทางเฟซบุ๊ก เช่นกันว่า “ในขณะที่สังคมมานั่งถกเถียงกันว่า มันเป็นหน้าที่ของรัฐ, การบริจาคไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไร, ทำไมถึงไม่ออกมาเป็นกระบอกเสียง..บลาๆๆๆ โน่นครับ มีคนกำลังจะตายเพราะขาดเครื่องมือแพทย์ที่มีไม่เพียงพอ... มีเด็กมากมายที่อยากเรียนหนังสือต่อ แต่ไม่มีทุนทรัพย์
“การวิ่งที่ผ่านมาแก้ปัญหาได้หรือไม่ได้ ไม่รู้ แต่มันมีคนรอดตายจากเครื่องมือแพทย์ที่เขาหาให้ได้จริง ซึ่ง 1 ในนั้นอาจเป็นคนใกล้ชิดของคนที่ด่าเขาในขณะนี้ มีคนหายป่วยจากเครื่องมือแพทย์จากมูลนิธิ มีเด็กๆ ได้เรียนหนังสือจนจบ ม.6 อีกร้อยกว่าคน และเท่าที่ผ่านมา เขาก็ออกมาเป็นกระบอกเสียง ส่งไปถึงทุกคนแล้ว “ในแบบของเขาเอง” โดยผ่านการวิ่งของตัวเอง

“ผมว่าไม่ใช่ปัญหาเลยถ้าทุกคนตัดสินมันจากหลักการและเหตุผลและข้อมูล “ความเป็นจริง” ที่วินิจฉัยแล้วอย่างถี่ถ้วน ไม่ใช่การเอาอคติและอัตตาเป็นที่ตั้ง หรือเพียงเพราะเขาไม่ทำในสิ่งที่หลายๆ คนอยากให้ทำ ปัญหาที่เห็นคือปัญหาโครงสร้างเชิงนโยบายที่มัน “ไม่สามารถแก้ได้โดยคนๆ เดียว” และไม่สามารถแก้ได้ด้วยเวลาวันสองวันครับ”

ก็หวังว่า คำพูดของทั้ง “เภา” และ “โอม บอดี้สแลม” น่าจะช่วยให้ฝ่ายที่ออกมาปัดแข้งปัดขา หรือเย้ยหยัน “พี่ตูน” ได้คิดบ้างว่า รัฐธรรมนูญที่ดี ระบบการศึกษาที่ดี ระบบการเมืองที่ดี ทั้งหลายแหล่นั้น ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มคน “3 นิ้ว” เท่านั้นที่อยากได้ แต่คนไทยทุกคนล้วนอยากได้ เพียงแต่เส้นทางที่จะนำไปสู่จุดนั้น มันไม่ได้แค่เส้นทางที่พวก “3 นิ้ว” กำลังเดินอยู่