“ศรีสุวรรณ” ร้องผู้ตรวจการแผ่นดินส่งศาล รธน.วินิจฉัย 5 พ.ร.ฎ.ลดโทษนักการเมืองคดีทุจริตขัด รธน.หรือไม่
วันนี้ (15 ธ.ค.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษฯ 5 ฉบับ ที่ออกมาหลังรัฐธรรมนูญ 2560 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ม.50 (10) และ ม.63 หรือไม่ เนื่องจากมีการคัดค้านการลดโทษหรือขอพระราชทานอภัยโทษ แก่ผู้ต้องขังคดีทุจริตคอร์รัปชัน ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการการจัดชั้นนักโทษ ซึ่งอยู่ในอำนาจของกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม แม้นายกรัฐมนตรีจะตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมา 1 คณะ ทำหน้าที่ตรวจสอบในกระบวนการและการจัดชั้นนักโทษ รวมถึงให้ทำหน้าที่เสนอแนะว่าควรจะกำหนดหลักเกณฑ์อย่างไร ในการขอพระราชทานอภัยโทษในคราวต่อๆไป แต่ก็ไม่อาจเชื่อใจได้ว่าจะมีบทสรุปออกมาเป็นเช่นใด และคณะกรรมการราชทัณฑ์ ที่มี รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน ตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 จะเห็นชอบด้วยหรือไม่
“ขณะนี้มีข้อสังเกตว่า ตั้งแต่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 เป็นต้นมา มีการออกพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษแล้วถึง 5 ครั้ง ซึ่งการพระราชทานอภัยโทษนั้น เป็นการบำเพ็ญพระราชกุศลตามราชประเพณีในวาระสำคัญของบ้านเมือง ที่ทุกรัฐบาลจะดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง แต่เมื่อพิจารณาบัญชีลักษณะความผิดท้ายพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษต่างๆ ทั้ง 5 ครั้ง ที่ผ่านมา พบว่า มีการสอดแทรกหลักเกณฑ์และความผิดในบางความผิดที่อาจจะไม่เหมาะสม อาจขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 63 ซึ่งไม่ควรที่จะได้รับการอภัยโทษมารวมอยู่ในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวด้วย เช่น ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น จึงต้องการให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบ เพื่อยับยั้งกระบวนการฟอกตัวนักการเมืองและข้าราชการขี้โกง ไม่ให้ต้องโทษเต็มจำนวนตามที่ศาลมีคำพิพากษา”
นายศรีสุวรรณ ยังกล่าวด้วยว่า หากการเสนอพระราชทานอภัยโทษของรัฐบาล ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญก็ต้องมีผู้ที่รับผิดชอบทางการเมือง ส่วนจะหมายถึงอะไรนั้น ก็ต้องไปคิดดูกันเอาเอง โดยปกติความรับผิดชอบทางการเมืองของรัฐบาล ก็คือ การลาออก รวมถึงคณะรัฐมนตรีด้วย เพราะเรื่องเหล่านี้ต้องผ่านคณะรัฐมนตรี ดังนั้น ความรับผิดชอบทางการเมืองที่นายกรัฐมนตรีไปลงนามสนองพระบรมราชโองการนั้น ก็แสดงว่า การนำข้อมูลต่างๆ ขึ้นไปเสนอ หรือให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ลงนามนั้น เป็นการนำข้อมูลซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร