พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก แนะกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมถึงเวลาทบทวนวิธีการพิจารณาการเป็นนักโทษชั้นดีกันใหม่ว่าใครควรจะได้รับ และการต้องโทษสถานใดที่ไม่ควรได้รับการพิจารณา ระบุ เช่นนี้เหมือนเชิญชวนให้กระทำผิด เพราะออกมามีเงินที่ทุจริตไว้ใช้
จากกรณี “องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน” ออกแถลงการณ์คัดค้าน “ลดโทษให้ผู้ต้องขังคดีคอร์รัปชัน” ชี้เป็นการสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลให้แก่เศรษฐกิจของประเทศ จี้ “นายกฯ” เร่งทบทวน ลั่นไม่ยอมรับ
หลังพบว่ามีทั้งนักการเมือง และอดีตข้าราชการระดับสูงที่ถูกศาลพิพากษาในคดีสำคัญเข้าหลักเกณฑ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ 2564 จนใกล้ได้รับการปล่อยตัว จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์” โดยได้ระบุข้อความว่า
“เรื่องลดโทษนักโทษคดีทุจริตของทางกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรมนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นการลดโทษให้นักโทษที่ตุนเงินไว้จนร่ำรวยจากความเดือดร้อนของประชาชน และภาษีของคนไทยทั้งชาติ
ซึ่งจะเป็นตัวอย่างให้ข้าราชการ หรือนักการเมือง กล้าทำความผิดและกล้าคดโกงประเทศชาติ เพราะติดคุกก็มีเงินใช้จ่ายสบายกว่านักโทษที่มาจากคนสามัญ และยังมีเงินอีกจำนวนมากที่รออยู่หลังจากพ้นโทษแล้ว
เรื่องนี้คล้ายภาพยนตร์หลายเรื่องที่โจรปล้นธนาคารได้แล้วเอาเงินมาเก็บซ่อนไว้ พอติดคุกสัก 4-5 ปีก็ออกมาขุดเงินที่ซ่อนไว้นำออกมาใช้ เพื่อไม่ให้มีปัญหากับใครในคุก จึงทำตัวเป็นนักโทษชั้นดีจะได้ออกมาใช้เงินเร็วๆ นั่นก็ช่างหัวมันเงินของธนาคาร แต่นี่มันปล้นเงินภาษีของประชาชนไปชัดๆ เลยครับ
นักโทษที่โกงชาติทีละพันล้าน ให้เป็นภาระของคนทั้งชาติที่ต้องชดใช้หนี้แทน กลับได้รับการพิจารณาลดโทษ ในฐานะ “นักโทษชั้นดี” หรือ “ชั้นดีเยี่ยม” ซึ่งได้ลดโทษลงมาอย่างมากมาย และดูเหมือนจะพ้นโทษก่อนที่ชาติจะใช้หนี้หมดด้วยซ้ำ
น่าจะถึงเวลาทบทวนวิธีการพิจารณาการเป็นนักโทษชั้นดีเยี่ยมกันใหม่ว่าใครควรจะได้รับ และการต้องโทษสถานใดที่ไม่ควรได้รับการพิจารณา เช่น พวกที่ทุจริตโกงชาติ โกงบ้านเมืองพวกนี้อยู่ในคุก นอกคุกก็มีเงินที่โกงไว้เรียบร้อยแล้ว หรือพวกค้ายาเสพติด พวกอันธพาลประจำชุมชน เป็นต้น
ปัญหามีอยู่ว่า กรมราชทัณฑ์จะกำหนดให้ใครเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมคงต้องดูให้ดี และมีวิธีที่รอบคอบกว่านี้ครับ เพราะท่านเป็นแค่หนึ่งในกระบวนการยุติธรรมทั้งกระบวน และอย่างน้อยควรให้สังคมภายนอกยอมรับได้
ต้องไม่ลืมว่าสาเหตุที่นักโทษคนนั้นเข้าไปอยู่ในความรับผิดชอบของท่าน ก็เพราะเขาได้กระทำในสิ่งที่สังคมรับไม่ได้ ผิดกติกาของสังคม สร้างความเสียหาย เดือดร้อนต่อสังคม แล้วท่านเอากฎระเบียบอะไรมาตัดสินว่านักโทษคดีฉกรรจ์คนนั้นคนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนแสนดีที่สมควรได้ลดโทษ แล้วสิทธิพิเศษจากการเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมนั้นมันมีมากเหลือเกิน มากจนบางครั้งเป็นเหมือนกับมีเจตนาทำลายเจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่มุ่งป้องกันการทุจริตเป็นหลัก