ครม.เห็นชอบข้อมูลการทำการเกษตรในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ พบมีจำนวนเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ 523,588 ราย พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรวม 8,660,726 ไร่ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เสนอให้มีการนำที่ดินของรัฐที่ถูกบุกรุก เข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน
วันนี้ (14 ธ.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบข้อมูลการทำการเกษตรในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ประกอบด้วย ข้อมูลจำนวนเกษตรกรที่ทำการเกษตรในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ชนิดของพืชที่ปลูก ประเภทและจำนวนพื้นที่ที่ถูกบุกรุก แนวโน้มของการบุกรุก และแนวทางแก้ไขปัญหาการทำการเกษตรในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาตินำเสนอ ทั้งนี้ เป็นผลมาจากมติ ครม.เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ที่ให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบข้อมูลการทำเกษตรในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิให้ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน รวมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาการทำการเกษตรในพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิดังกล่าว
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติได้รายงานข้อมูลพอสรุปได้ดังนี้ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติมีจำนวนเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ 41,881 ราย มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 1,512,052 ไร่, พื้นที่ป่าไม้ถาวร จำนวนเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ 3,212 ราย จำนวนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 59,567 ไร่, พื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า จำนวนเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ 316,560 ราย พื้นที่ 4,273,726 ไร่, ป่าชายเลน จำนวนเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ 7,803 ราย พื้นที่ 102,222 ไร่ พื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน จำนวนเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ 34,546 ราย พื้นที่ 1,183,570 ไร่, ที่ราชพัสดุ จำนวนเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ 80,548 ราย พื้นที่ 855,114 ไร่, ที่สาธารณประโยชน์ จำนวนเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ 32,941 ราย พื้นที่ 434,127 ไร่, ป่าไม้ส่วนกลางในที่ดินนิคมสร้างตนเอง จำนวนเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ 6,097 ราย พื้นที่ 240,348 ไร่ รวมมีจำนวนเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ 523,588 ราย พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรวม 8,660,726 ไร่
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาการทำการเกษตรในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธินั้น สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ได้เสนอให้มีการนำที่ดินของรัฐที่ถูกบุกรุก เข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน โดยอนุญาตให้ทำกินและอยู่อาศัยในลักษณะแปลงรวมให้ใช้ประโยชน์ร่วมกันเป็นกลุ่มหรือชุมชน โดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ หรือดำเนินการขออนุญาตใช้พื้นที่ให้ถูกต้องตามกฎหมายแต่ละประเภท โดยจะต้องกำชับให้ผู้รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ตรวจสอบไม่ให้มีการบุกรุกเพิ่มเติมอีก ทั้งนี้ หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้เกษตรกรที่ทำการเกษตรในพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ สามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากมีการขออนุญาตเข้าใช้พื้นที่ของรัฐตามกฎหมายและมติ ครม.ที่เกี่ยวข้องแล้ว