ปชป.เปิดตัว “ดร.เอ้” ชิงผู้ว่าฯ กทม. โชว์วิสัยทัศน์แก้ปัญหา ดันสวัสดิการทันสมัย ต้นแบบอาเซียน ยกระดับเท่าโตเกียว ชงชิงเจ้าภาพโอลิมปิกปี 36 เปิดตัวทีม ส.ก.พรุ่งนี้ อุบรองผู้ว่าฯ ยันมีความสามารถเปลี่ยน กทม. พร้อมเดิน 1 ล้าน 6 แสนก้าว ไปทุกเขต
วันนี้ (13 ธ.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ ชั้น 5 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานเปิดตัว นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ อดีตอธิการบดีของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยมีแกนนำ และสมาชิกพรรคมาร่วมให้กำลังใจอย่างคึกคัก นำโดยนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตผู้ว่าฯ กทม. รวมถึงรัฐมนตรีของพรรค กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งอดีตและปัจจุบัน เป็นต้น อีกทั้งยังมีทีมผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ของพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 50 คน มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ การเปิดตัว นายสุชัชวีร์ ได้เดินออกมาพร้อมกับบิดา มารดา และภรรยา ที่มาให้กำลังใจ โดยได้เล่าถึงการศึกษาและผลงานต่างๆ ที่ผ่านมา จนได้เป็นอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง แต่วันนี้ ตนเห็นปัญหาต่างๆ ของ กทม. เช่น น้ำท่วมขัง เจอรถติด ฝุ่นพิษ PM 2.5 การศึกษา ผ่านมา 30 ปีคน กทม.ยังยิ้มไม่ออก รถตืด เศรษฐกิจล้าหลัง เมืองพังพินาศ และถ้า กทม.ไม่ถูกฉุดขึ้นมาอีก 20 ปี กทม.จะจมแน่นอน ซึ่งการเลือกผู้ว่าฯ ไม่ใช่เลือกคนแต่เลือกอนาคตของคน กทม.และลูกหลาน
“ผมขอคนกรุงเทพฯให้โอกาสผู้ว่าฯที่มาจากวิศวกรที่มีคุณวุฒิ เป็นอาจารย์วิศวกรรมศาสตร์ และเป็นอดีตนายกสภาวิศวกร จะเปลี่ยนกรุงเทพฯให้รอดจากน้ำท่วม มีแก้มลิงใต้ดินบนดิน และริเริ่มป้องกันน้ำทะเลหนุนร่วมกับจังหวัดข้างเคียง มีระบบอินเทอร์เน็ตเตือนภัยประชาชน เช่น เตือนเรื่องน้ำท่วม รถติด มลพิษ ที่ผ่านมา ก็เห็นแล้วว่าน้ำท่วมสะพานซังฮี้ ไม่มีการเตือนภัยอะไรเลย ส่วนปัญหารถติดฆ่าอนาคตลูกหลานเราที่สุด เพราะเด็กขาดจินตนาการและมีแต่ความเครียด ผมเชื่อว่า เราเปลี่ยนได้ เหมือนกรุงโตเกียวที่มีประชากรมากกว่า กทม.หลายสิบเท่า เขายังทำได้ เราก็ต้องทำได้
ดังนั้น ผมขอประกาศว่าจะทำ กทม.ให้เหมือนกรุงโตเกียว”
นายสุชัชชวีร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กทม.ต้องมีระบบขนส่งสาธารณะที่ดี หากประชาชนเลือกตนเป็นผู้ว่าฯ กทม. จะมีโอกาสเห็นทางจักรยานลอยฟ้า ระบบสัญญาณไฟจราจรควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ไม่ต้องพิึ่งตำรวจจราจร และเอาเกาะกลางถนนออกเพื่อเพิ่มเลนเพื่อใช้เป็นพื้นที่จราจร รวมทั้งเพิ่มพื้นที่ใต้ดินให้ชาว กทม.ใช้เหมือนสิงคโปร์ ขณะที่ปัญหาฝุ่นพิษที่อยู่กับเราทุกวัน เกิดจากรถบรรทุก การก่อสร้าง หากให้โอกาสตนจะจัดการกับสิ่งเหล่านี้เด็ดขาด เพื่อลูกหลานของเรา สำหรับปัญหาเศรษฐกิจ หาก กทม.ยังไม่มีอะไรใหม่ ถามว่าใครจะมาลงทุน และมาท่องเที่ยว คนมาแล้วไม่อยากมาอีก เราสามารถเปลี่ยนเศรษฐกิจเมืองให้ทันสมัย และสร้างรายได้ให้เป็นเมืองเศรษฐกิจดิจิทัล ส่วนเรื่องการศึกษาใน กทม.เวลานี้ไม่มีใครสนใจให้ลูกมาเรียนในสังกัด กทม. ตนจะสร้างโรงเรียนสาธิต 50 เขต 50 โรงเรียนให้เรียน 2 ภาษา เรียนโคดดิ้งที่ฟรี มีคุณภาพ จะพัฒนาศูนย์เด็กเล็กใน กทม.ทั้ง 292 ศูนย์ จะดูแลลูกหลานท่านเหมือนลูกหลานตน ไม่ให้แพ้ใครในโลก รวมทั้งจะยกระดับสาธารณสุขใน กทม. มีศูนย์บริการ 68 แห่ง แต่ไม่มีใครเชื่อถือ เพราะไม่มีเครื่องมือ และหมอเพียงพอ จะยกระดับให้เป็นศูนย์การแพทย์ เพื่อดูแลคน กทม.อย่างมีคุณภาพให้มีเครื่องฟอกไตทุกศูนย์สาธารณสุข เหมือนที่ผตนทำให้โรงพยาบาลทั่วประเทศมากแล้ว
“กทม.ปัญหาใหญ่มาก ดังนั้น ต้องคิดให้ใหญ่กว่า เพราะถ้าคิดเล็กอีกกี่ชาติก็แก้ปัญหาไม่ได้ กรุงเทพฯจะต้องเป็นเมืองสวัสดิการที่ทันสมัยต้นแบบของอาเซียนให้ได้ ดูแลประชาชนทุกคนอย่างเทียมและมีคุณภาพ ทุกด้าน ไม่ว่ารวยหรือจน รวมทั้งต้องใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมและเข้มข้น ไม่ว่าใครก็ตาม กรุงเทพฯจะต้องเปลี่ยนเป็นเมืองที่ทันสมัย ถ้าเกิดคิดแบบเดิม บริหารแบบเก่าก็ควรแก้ปัญหาได้ตั้งแต่ 10-20 ปีที่แล้ว หากผมให้กรุงเทพฯเหมือนกรุงโตเกียว ที่น้ำไม่ท่วม รถไม่ติด และหากผมได้รับโอกาสเป็นผู้ว่าฯ กทม. จะเสนอตัวให้กรุงเทพฯเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกปี 2036 เพราะโอลิมปิกสามารถเปลี่ยนแปลงเมืองได้ดีที่สุด ฟุตปาทจะเรียบสนิท สายไฟจะลงใต้ดิน เหมือนที่โตเกียว กรุงโซล ปักกิ่ง ผมจึงสะสมประสบการณ์ 30 ปี เดินทางทั่วโลก แสวงหาทางแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อวันนี้ สร้างอนาคตให้ลูกหลาน สร้างรอยยิ้มให้คนกรุงเทพฯ ผมเชื่อมั่นว่า เราทำได้” นายสุชัชวีร์ กล่าว
ต่อมาได้เปิดคลิปวิดีโอ นายจุรินทร์ กล่าวขอเสียงสนับสนุนจากชาว กทม. ว่า นับจากนี้ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์แนะนำทางที่ดีที่สุดให้กับคนกรุงเทพฯ ขอให้นำชัยชนะสู่การปฏิบัติและนำชัยชนะสูงพี่น้องประชาชนในกรุงเทพฯทุกคนได้รับชัยชนะตนมั่นใจว่าเราจะเปลี่ยนกรุงเทพเราทำได้แน่นอน
จากนั้นแกนนำพรรคได้ร่วมกันถ่ายรูปกับนายสุชัชวีร์ พร้อมเปิดเพลง “เปลี่ยนกรุงเทพฯ” โดยมีผู้สนับสนุนมอบดอกไม้ให้กำลังใจอย่างคึกคัก
จากนั้นเวลา 17.30 น. นายสุชัชวีร์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่า พรุ่งนี้ (14 ธ.ค.) เวลา 09.00 น. ตนจะเดินทางไปเปิดตัวทีมงานและผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ทั้ง 50 เขต ที่พรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ก.ครั้งแรก ส่วนเรื่องทีมรองผู้ว่าฯ กทม.นั้น กำลังพิจารณาดูอยู่ ซึ่งตอนนี้ยังมีเวลา ขอให้มั่นใจว่า จะประกอบด้วยผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ เป็นบุคคลที่มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ ส่วนเหตุผลที่ตนตัดสินใจมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากเห็นกระแสการเปลี่ยนแปลงภายในพรรค รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่และเลือดใหม่ได้มีโอกาสเสนอตัวมาทำงาน อีกทั้งคนเป็นผู้ว่าฯ กทม.ไม่สามารถทำงานได้เพียงลำพัง จึงต้องทำงานเป็นทีม
เมื่อถามว่า การที่จะนำผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ มาเป็นทีมงาน แสดงว่า จะไม่มีคนในพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมด้วยใช่หรือไม่ นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปพูดดักทางอย่างนั้น ตนหมายความว่า หากผู้ใดมีความรู้ความสามารถ แต่พรรคไม่ได้เสนอมาให้ตน แล้วให้ตนมีโอกาสก็จะเลือกบุคคลนั้นเข้ามาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.
เมื่อถามถึงรูปแบบการหาเสียงในพื้นที่ต่างๆ จากนี้จะเป็นอย่างไร จะเป็นทีมงานของพรรคหรือจะเป็นทีมของตนเอง นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า จะมีทีมงานของพรรคร่วมด้วย ถือว่าโชคดีที่พรรคประชาธิปัตย์มีคนอยู่ในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคใน 50 เขต ก็ได้เตรียมพร้อมแล้ว ทั้งนี้ กรุงเทพฯมีพื้นที่ประมาณ 1,600 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็น1.6 ล้านตารางเมตร ตนจะเดินให้ได้ 1,600,000 ก้าว ร่วมกับตัวแทนของพรรคในทุกเขต
เมื่อถามว่า จะมีการเปิดตัวชุดนโยบายออกมาอีกหรือไม่ นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า มีแน่นอน สิ่งที่นำเสนอวันนี้เป็นเพียงแค่ไตเติล ยังมีชุดนโยบายอีก ขอให้ทุกคนรอติดตาม สำหรับสัญญาณที่ตนและพรรคส่งออกมาในวันนี้ คือ ต้องเปลี่ยนกรุงเทพฯ และเราเชื่อมั่นว่า เราทำได้ นี่คือข้อความที่เราส่งออกไปชัดๆ ในวันนี้
เมื่อถามว่า จากการที่ได้เริ่มลงพื้นที่ กทม.ไปบ้างแล้วก่อนหน้านี้ มีผลตอบรับอย่างไร นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า วันนี้มีเสียงกระแสตอบรับดีมาก สำหรับวันนี้เป็นวันแรกที่ตนลาออกจากตำแหน่งอธิการบดีของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งหลังจากนี้ไป เส้นทางของเราอีกยาวไกล จึงขอเชิญชวนมาร่วมเดินด้วยกัน ตนมีความมั่นใจในคนกรุงเทพฯจริงๆว่าถ้าคนกรุงเทพฯได้มีโอกาสรู้จักตน รู้จักวิธีการทำงานในฐานะนักเปลี่ยนแปลง และเตรียมพร้อมมานานกว่า 30 ปี ตนมั่นใจว่าคนกรุงเทพฯจะให้โอกาสตน