“จุรินทร์” มั่นใจ ปชป.ยังเหนียวแน่น หลัง “นิพิฏฐ์” ลาออก เชื่อชิงเก้าอี้รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ แข่งตามกติกา ไม่รู้ “บิ๊กตู่” เดินสายกดปุ่มจ่ายเงินประกันรายได้ที่สุพรรณบุรี 13 ธ.ค.นี้
วันนี้ (7 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งอาจทำให้มีสมาชิกคนอื่นทยอยลาออก หรือกระทบขวัญกำลังใจของคนที่เหลืออยู่ในพรรค เพราะไม่มีความมั่นคงภายในพรรค ว่า มั่นใจว่า คนที่อยู่ยังยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ยังเหนียวอยู่กับพรรค เพราะคนส่วนใหญ่ยังอยู่ ทั้งนี้ ส่วนตัวยังมั่นใจว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังเดินหน้าต่อไปได้ อีกทั้งปัจจุบันเรากำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี แม้อาจจะมีปัญหาอุปสรรคบ้าง แต่พรรคก็ต้องฟันฝ่าต่อไป ส่วนคนที่อยู่ในพรรคก็ยังต้องจับมือกันเดินไปข้างหน้า
“ผมไม่ขอพูดถึงกรณีของคุณนิพิฏฐ์ แต่ในภาพรวมทั่วไป ผมเชื่อว่า ประชาชนแยกแยะได้ว่าผู้ที่ออกไปแต่ละคนนั้นเกิดจากปัญหาอุดมการณ์ของพรรค หรือปัญหาส่วนตัว เชื่อว่าแต่ละคนก็เป็นแต่ละกรณีไป” นายจุรินทร์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายนิพิฏฐ์ ได้ยื่นลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า หลังจาก นายนิพิฏฐ์ ลงแข่งขันในตำแหน่งรัฐมนตรีแล้วแพ้เสียงโหวตภายในพรรค ตนและพรรคได้แต่งตั้งให้นายนิพิฏฐ์เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีในส่วนของรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุด เท่าที่พรรคมีแล้วจะให้ได้รองจากตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้ตรวจสอบว่านายนิพิฏฐ์ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวแล้วหรือไม่
เมื่อถามย้ำว่า นายนิพิฏฐ์ ได้แจ้งลาออกกับนายจุรินทร์ด้วยตัวเองแล้วหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนทราบจากข่าว และเจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบว่าเขาไปลาออกจากพรรคเมื่อวานนี้ (6 ธ.ค.) ส่วนตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีนั้น ยังไม่ได้ทราบว่าเขาลาออกแล้วหรือไม่ เพราะยังไม่ได้ตรวจสอบ ส่วนกรณีที่นายนิพิฏฐ์ไปอำลา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพียงคนเดียวนั้น ตนไม่ทราบ คงต้องไปถามนายนิพิฏฐ์ว่าได้บอกใครคนอื่นอีกหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามถึงการชิงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาคใต้ ซึ่ง นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา และนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ที่มีข่าวว่าแข่งขันกันอย่างรุนแรง เกรงว่าจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์เกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคมีกฎเกณฑ์กติกาและมีวิถีทางประชาธิปไตยภายในพรรค ดังนั้น ตำแหน่งใดที่มีผู้สนใจลงสมัครเกิน 1 คน ก็ต้องมีการลงคะแนนภายในพรรค ไม่มีใครชี้ได้ว่าจะให้คนนั้นคนนี้เป็น ยกเว้นเหลือเพียงคนเดียว ซึ่งพรรคก็ต้องลงมติพิจารณาด้วยเช่นกันว่าเห็นชอบหรือไม่ เป็นวิถีประชาธิปไตยภายในพรรค ซึ่งเป็นข้อดีและเป็นกติกาที่พักยึดถือมาเนิ่นนาน พรรคประชาธิปัตย์จึงอยู่ได้มา 70-80 ปี เรามีกฎเกณฑ์กติกาที่ชัดเจนแน่นอน และทุกคนยอมรับในกติกา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่ถือว่าเป็นยุคที่พรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำมากที่สุดใช่หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ความจริง ถ้าเราจะบอกว่าได้ผู้แทนน้อยถือว่าตกต่ำนั้น เราก็เคยทั้งตกต่ำและหลังจากนั้นก็กลับมารุ่งเรือง และก็ตกต่ำพร้อมรุ่งเรืองอีกครั้ง หลายครั้งหลายรอบ
“เที่ยวนี้ก่อนที่ผมมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เราเหลือ ส.ส.เพียง 50 เสียง จาก 159 เสียง ถือว่าได้เสียงน้อยลงมา หายไป 2 ใน 3 แต่เมื่อผมเข้ามาก็พยายามรวบรวมสรรพกำลังมาพื้นฟูพรรค ผมคิดว่ามาถึงวันนี้ก็ค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งมีทั้งคนเก่าที่เคยออกจากพรรคไปกลับเข้ามา และมีทั้งคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาร่วมงานกับพรรคเยอะมาก ซึ่งเป็นไปตามแคมเปญของพรรคที่ว่าเลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ ประสบความสำเร็จพอสมควร” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า นอกจากนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ เพื่อพิจารณาส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็จะทำให้ได้เห็นภาพคนรุ่นใหม่เดินเข้าพรรคอีก
เมื่อถามถึงความชัดเจนกรณีที่มีข่าวว่า จะส่ง นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ พรรคจะพิจารณาว่าจะส่งใครลงสมัครรับเลือกตั้ง ถึงวันนั้นจะแถลงให้ทราบ
ทั้งนี้ นายจุรินทร์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเดินทางไปยัง จ.สุพรรณบุรี เพื่อเป็นประธานการจ่ายเงินในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว และมาตรการคู่ขนานปีการผลิต ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ ว่าตนไม่ทราบเรื่องนี้