xs
xsm
sm
md
lg

จะนะ : บิ๊กตู่-ธรรมนัส สัมพันธ์เส้นขนาน !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  - ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
เมืองไทย 360 องศา

“ก็ต้องไปชี้แจงกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องทำ เพราะมีข่าวว่าจะมีคนมามั่วสุมเพิ่มเติม ตรงนี้ต้องช่วยรัฐบาลหน่อย เพราะตามกฎหมายสถานที่ราชการมีระยะห่าง 150 เมตร ที่ผ่านมา เมื่อมากันตรงนี้แล้วก็ไม่ไป แต่เราก็ไปฟังเขา เดี๋ยวอยู่ในขั้นตอนที่จะทำประชาพิจารณ์อีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้ผมได้ให้หน่วยงานไปฟังว่าอะไรอย่างไร สิ่งใดก็ตามตนเคยบอกแล้วว่า การไปเจรจาอะไรกับเขาอย่าไปรับปากอะไรเขามาทันที ถ้ายังไม่เข้าการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือรัฐบาล ไม่ว่าใครก็ตาม”

ถามว่า เอ็มโอยู หรือข้อตกลงที่เคยทำร่วมกันเมื่อปีที่ผ่านมา มีความเป็นไปได้แค่ไหน นายกฯ ย้อนถามว่า ใครตกลงล่ะ เมื่อถามอีกว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ เมื่อครั้งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดำเนินการขยายผลเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืน ไปสู่เมืองต้นแบบ 4 อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต เป็นผู้ไปเจรจา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบว่า แล้วตนไปตกลงหรือยัง ครม.ตกลงหรือยัง ก็ยัง

เมื่อถามว่าจะต้องตั้งคนมาดูแลแทน ร.อ.ธรรมนัส หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เดี๋ยวตนจะให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และสำนักนายกรัฐมนตรี ไปดูแลและติดตามดูว่าเกิดอะไรขึ้น และควรจะแก้ไขอย่างไร ทั้งนี้ เราต้องมองสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งไหนที่ไม่เป็นประโยชน์และเป็นปัญหาก็ไม่ต้องไปทำ ก็แค่นั้น ต้องทำให้ถูกต้องตามกติกา กฎหมายอะไรก็ตาม บางทีการไปพบปะเจรจาของใครก็แล้วแต่ เวลาไปพูดไปตกลงกับเขา อย่าลืมว่าไม่ได้ผ่าน ครม. ตนเตือนหลายครั้งแล้ว เวลาไปให้รับข้อสังเกตมาแล้วนำมาสู่การแก้ไขปัญหาในรัฐบาล นั่นคือ วิธีการทำงานของรัฐบาลจะต้องรอบคอบ

ถามว่า กลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ภาคใต้ประกาศว่าจะเดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็บอกไปว่าอย่ามาเลย ก็ไปทำกันที่โน่นแหละ เดี๋ยวส่งคนไปดูแล ไปรับมาว่าอะไรที่เป็นข้อเท็จจริง และอะไรที่อาจจะถูกบิดเบือน อันไหนอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทำ อันไหนทำได้เราก็ทำ เพราะเรามุ่งหวังให้ภาคใต้มีเศรษฐกิจที่เจริญเติบโตมากขึ้น ต้องมองในแง่นี้ ส่วนคนทำ ก็ต้องทำด้วยความรอบคอบเข้าใจหรือไม่ โดยต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย

“ผมฟังอยู่แล้วประชาชน ถ้าไม่ฟังก็ไม่ใช่ เพราะนี่คือกระบวนการประชาธิปไตย แต่การทำประชาธิปไตยที่มีกฎหมาย ก็ต้องดูกฎหมายด้วย ซึ่งผมได้สั่งการไปแล้ว ไม่ได้ไปลงโทษอะไรกันมากมาย ให้ไปตักเตือนกันก็แค่นั้น” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่ถูกจับตัวไปจะมีการสั่งการอะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ปล่อย โดยการให้ประกันตัวอะไรสักอย่าง คงไม่มีอะไรหนักหนาหรอก ก็อย่าทำอีก ถ้าทำสิ่งที่ถูกต้องตนฟังอยู่แล้ว แต่ถ้าเราปล่อยปละละเลยในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็มีการขยายบานปลายไปทุกที สื่อก็เห็นและนำไปเผยแพร่ให้เขาทุกทีไป

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่า “หลังจากที่ผมพ้นจากการเป็นตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ ผมไม่สามารถสานงานต่อเรื่องปัญหาของพี่น้องประชาชนในหลายๆ เรื่อง รวมถึงปัญหาของพี่น้องชาวจะนะ ซึ่งคงไม่มีใครรู้และเข้าใจถึงแก่นแท้ของปัญหา ยกเว้นผู้ที่มีส่วนได้เสียกับโครงการนี้

ผมได้รับการประสานจากเพื่อนๆ ส.ส.หลายท่าน ให้เข้ามาช่วยเหลือพี่น้องชาวจะนะเหมือนเดิม แต่ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นผมไม่สามารถไปก้าวล่วงกับคณะทำงานชุดใหม่ของรัฐบาลได้อีก ผมยังเป็นห่วงพี่น้องชาวจะนะและผมจะใช้ระบบสภาผู้แทนราษฎรเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องชาวจะนะต่อไปครับ” ร.อ.ธรรมนัส ระบุ
ก็คงเห็นภาพชัดเจนตอกย้ำขึ้นมาอีกครั้ง ว่า ความสัมพันธ์และความรู้สึกภายในระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ว่า “ไม่เหมือนเดิม” และเมื่อเวลาล่วงเลยมาแบบนี้ ก็มองเห็นแล้วว่าอนาคตก็ “ไม่มีทางเหมือนเดิม” อีกแล้ว
ที่ผ่านมา สังคมรับรู้กันไปแล้วว่า ทั้งคู่มีปัญหาคาใจระหว่างกัน ในช่วง “ศึกซักฟอก” ที่ผ่านมา โดยมีรายงานข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส มี “ดีลลับ” สำคัญกับ “ขั้วอำนาจเก่า” มีการเคลื่อนไหวต่อรอง ให้มีการเปลี่ยนแปลงเก้าอี้รัฐมนตรีในพรรคพลังประชารัฐ มีการระบุถึงขั้นที่ว่าเป้าหมายพุ่งไปที่เก้าอี้ “มท.1” ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พร้อมกับคำขู่ในเรื่องการ “โหวตสวน” ส่วนจะจริงเท็จแค่ไหนยังไม่รู้ชัด เพราะมีการปฏิเสธอย่างหนักแน่น อ้างว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ก็นำมาสู่การ “ปลด” พ้นเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ และยังกดดันให้พ้นจากเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐอีกด้วย
ยังดีที่ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้การรับรองช่วยไว้ได้ทัน โดยยังรั้งเก้าอี้เดิมในพรรคต่อไป พร้อมกับคำยืนยันว่า ไม่มีอะไรต่อกันแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยได้ยินจากปากของเจ้าตัวเลยสักครั้งเดียว อ้างแต่เพียงว่า “แล้วแต่หัวหน้าพรรค” เท่านั้น ไม่เคยบอกว่าสนับสนุน “บิ๊กตู่” ออกมาเลย
ด้าน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมา ก็พยายามเลี่ยงไม่พูดถึง อ้างแต่เพียงว่าเป็นเรื่องภายในพรรคพลังประชารัฐ เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคต้องดูแล แยกบทบาทหน้าที่กัน
เมื่อพิจารณาจากคำพูดของทั้งคู่ที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มชาว “จะนะรักษ์ถิ่น” จำนวนหนึ่งที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อคัดค้านโครงการเมืองอุตสาหกรรม และเกิดการสลายการชุมนุมไปแล้ว แต่จากคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ย้ำว่า “เอ็มโอยูมีปัญหา” ลักษณะเหมือนกับว่า มีการดำเนินการโดย “พลการ” ก็สะท้อนให้เห็นว่าเขายังไม่โอเค เพราะยังมีการต่อต้านในท้องถิ่น มีการทำประชาพิจารณ์ไม่ถูกต้อง อะไรประมาณนั้น
ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็โพสต์ออกมาแบบทันควัน เช่นเดียวกัน แม้เนื้อหาจะไม่ได้ตอบโต้ด้วยคำรุนแรง เพียงแต่อ้างว่า เขาไม่ทำหน้าที่ตรงนั้นแล้ว ไม่มีอำนาจเข้าไปช่วยเหลือดำเนินการ แต่จะยังใช้ขั้นตอนทางสภา ติดตามปัญหาต่อไป เนื้อหาคำพูดมันเป็นลักษณะ “การเมือง” เต็มร้อย ทั้งตีกิน ทั้งแดกดันอยู่ในที
ดังนั้น นาทีนี้แม้จะไม่รู้ว่าปัญหาเรื่องนิคมอุตสาหกรรมในอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา จะลงเอย หรือมีผลสรุปในบั้นปลายอย่างไรก็ตาม แต่สำหรับความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กลับพบว่าไม่มีทางมาบรรจบกันอีกแล้ว ต้องเป็นเส้นขนานกันต่อไป แม้ว่าเทียบชื่อชั้นแล้วยังต่างกันลิบ แต่ในทางการเมือง เมื่อไม่ลงรอยกันมันก็ย่อมมีผลสั่นสะเทือนได้ตลอดเวลา ที่สำคัญ “ความระแวง” ไม่มีทางหมดไปได้เลย!!


กำลังโหลดความคิดเห็น