กมธ.ตำรวจ เรียงหน้าปัดสร้างรัฐสีกากี แจง 2 ก.แยกกันนโยบาย-แต่งตั้ง ดึงสื่อ-ภาค ปชช.ร่วมเสนอผู้ทรงคุณวุฒิ เล็งใช้ ตร.ทั่วไทยมีสิทธิเลือก สวนคนปล่อยข่าวตื่นมาฟังความจริง ชูเจตนารมณ์อนุ กมธ.ต้องการให้มีเกียรติบริหารบุคคล สกัดนายกฯล้วงลูก
วันนี้ (30 พ.ย.) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ…. รัฐสภา นำโดย พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะประธาน กมธ. นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ. และ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน กมธ. ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุม กมธ. กรณีที่ประชุมจะมีการโหวตรับรองรายงานของคณะอนุ กมธ. โดยมีประเด็นสำคัญ คือ การแต่งตั้งคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มีการแก้ไขเนื้อหาในรายงานโดยตัดฝ่ายบริหาร และคนนอกทิ้ง เหลือแต่อดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มานั่งในก.ตร.ทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีกระแสว่าผู้ใหญ่ในรัฐบาลมีคำสั่งให้โหวตตามรายงานดังกล่าว ก่อให้เกิดรัฐตำรวจ อยู่เหนือการควบคุมถ่วงดุล รวมทั้งมีการวิ่งเต้นซื้อตำแหน่ง
โดย พล.ต.อ.ชัชวาลย์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ ว่าจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือคลาดเคลื่อน เหมือนทำให้เกิดความเสียหายกับคณะอนุ กมธ. ว่า ไปคิดอย่างนั้นได้อย่างไร เหตุใดถึงไม่ใช้ร่างฯเดียวกันกับที่รัฐบาลเสนอมาและเข้าสู่สภาฯ
ด้าน นายขจิตร กล่าวว่า ร่างฯฉบับปัจจุบันนี้กำหนดให้มีเฉพาะ ก.ตร.เท่านั้น แต่เมื่อคณะอนุ กมธ.มาพิจารณาแล้ว การมี 2 ก. แยกกัน คือ คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ดูเรื่องนโยบายของตำรวจ กับ ก.ตร. ที่เป็นคณะกรรมการบริหารบุคคลเรื่องตำรวจ ตาม พ.ร.บ.ตำรวจฯ ปี 47 น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า ซึ่งตนเป็นหนึ่งในคณะอนุ กมธ. และเข้าประชุมด้วยตลอด ไม่มีแผนที่จะให้เป็นรัฐตำรวจ แต่ถ้าการบริหารบุคคล ตนเห็นว่า แต่ละหน่วยงาน เช่น ก.พ. อัยการ ก็มีการบริหารบุคคลเฉพาะภายในองค์กร ฉะนั้น ก.ตร.เป็นเรื่องการบริหารบุคคลตำรวจ ไม่ควรจะมีหน่วยงานอื่นๆ เช่น กลาโหม มหาดไทย มาเกี่ยวข้อง จึงคือเหตุผลที่เราแยกออกเป็น 2 ก.
“ข่าวที่ลงไปอาจมีแหล่งข่าววิตกว่านายกรัฐมนตรีจะไม่มีอำนาจใน ก.ตร. จึงเห็นว่าในยุคปฏิรูปควรให้ตำรวจมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี บริหารบุคคลเอง นายกฯก็จะเลือกแต่งตั้งได้เฉพาะ ผบ.ตร. ก็พอแล้ว ไม่ควรล้วงลูกฝ่ายการเมือง ไม่ได้เขียนให้เกิดรัฐตำรวจ ยืนยันว่าเจตนารมณ์ของคณะอนุ กมธ. ต้องการจะทำให้มีการปฏิรูปตำรวจมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการแยกโครงสร้างเป็น 2 ก. คือ ก.ต.ช. กับ ก.ตร.” นายขจิตร กล่าว
ขณะที่ พล.ต.ท.อำนวย กล่าวว่า ร่างฯนี้ได้ถูกกลั่นกรองมาจากหลายร่างฯ โดยรวมคือต้องการปลดทุกข์ให้ประชาชน และบำบัดทุกข์ให้ตำรวจ สำหรับร่างฯนี้จะมีจุดเด่นเพิ่มมาอีก 2 ก. คือ คณะกรรมการรับเรื่องราวร้องเรียนตำรวจ (กร.ตร.) ซึ่งจะสรรหาบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นคณะกรรมการ คล้ายกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หากตำรวจทำเรื่องไม่ถูกต้อง สามารถร้องเรียนได้ที่ กร.ตร. ซึ่งตำรวจสอบตำรวจไว้ใจยาก ต่อไปนี้ชาวบ้านจะมาเป็นองค์กรอิสระเพื่อมาตรวจสอบ และอีกคณะคือคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมข้าราชการตำรวจ (กพค.ตร.) จะมาดูเรื่องระบบการแต่งตั้งโยกย้าย ไม่ให้มีทำเลทอง ข้ามหัวกัน ปัดแข้งปัดขากัน ดังนั้น ก.ตร. จะถูกควบคุมโดย กพค.ตร.
“ในองค์ประกอบของ ก.ตร. จะมีสื่อมวลชน ภาคประชาชน เข้าไปเป็น ก.ตร. ไม่ใช่ตำรวจล้วนๆ นอกจากนี้ องค์ประกอบของ ก.ตร. เดิมทีจะถูกสรรหาโดยนายตำรวจระดับพันเอกทั่วประเทศประมาณ 5,000 กว่าคนขึ้นไปเลือก แต่ต่อไปนี้จะให้ตำรวจทั่วประเทศทั้ง 300,000 กว่าราย มีสิทธิเลือก ผู้ทรงคุณวุฒิ ก.ตร. โดย กกต.จะเข้ามาดำเนินการ หากกฎหมายฉบับนี้ผ่าน ขณะนี้กำลังพิจารณากันอยู่ ไม่รู้ใครไปละเมอตรงไหนแล้วให้ข่าวว่าจะสร้างรัฐตำรวจ ถ้าละเมอแล้วตื่นขึ้นมา ช่วยมาฟังความจริงด้วย” พล.ต.ท.อำนวย กล่าว