xs
xsm
sm
md
lg

ปค.เรียกสอบ! “แอมเนสตี้ฯ” อ้างเป็นสาขา “แอมเนสตี้ อินเตอร์”? “แรมโบ้” ฟาด “วิโรจน์” ศาลไม่เชื่อ “เบนจา”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ ปค.เรียกสอบ! “แอมเนสตี้ฯ” ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ไม่รอด! ปค.เตรียมเรียกสอบ “แอมเนสตี้ ประเทศไทย” พบพิรุธ แอบอ้างเป็นสาขา “แอมเนสตี้ อินเตอร์”? “แรมโบ้” เดือด ฟาดปาก “วิโรจน์” เข้าข้างองค์กรทำลายชาติ “เบนจา” วอนศาลให้ปล่อยตัว สุดท้ายโดนฝากขังต่อ

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (29 พ.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น เตรียมเรียกสอบ “แอมเนสตี้ ประเทศไทย” พบพิรุธ แอบอ้างเป็นสาขา “แอมเนสตี้ อินเตอร์” ?

โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 64 หลังจาก นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ที่มีการตรวจสอบ แอมเนสตี้ฯ ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ เป็นสมาคมที่จัดตั้งโดยประชาชนของประเทศนั้นๆ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศอังกฤษ

ภาพ กิจกรรมเคลื่อนไหว ของ แอมเนสตี้ฯ ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ทั้งนี้ โดยหลักการแล้ว สมาคมที่จดทะเบียนขึ้นมาภายใต้ชื่อเดียวกันจะต้องได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสาขาและภาคีสมาชิก ต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับแอมเนสตี้ฯสำนักงานใหญ่ และต้องเอาใบภาคีสมาชิกส่งให้กรมการปกครองหากใช้ชื่อเดียวกัน

แต่ที่น่าแปลกใจ จากการตรวจสอบ พบว่า “สมาคมแอมเนสตี้ในไทย” ไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมใหญ่ แต่ใช้ชื่อเดียวกัน และสมาคมใหญ่ฯจะกำชับในเรื่องต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง แต่ปรากฏว่า แอมเนสตี้ในประเทศไทย เข้าไปร่วมช่วยเหลือบางกลุ่มทางการเมือง ซึ่งทำผิดก่อการคดีล้มล้างฯ จึงเป็นหน้าที่ของกรมการปกครองที่จะเพิกถอนทะเบียนของสมาคม

นอกจากนี้ นายณฐพร ยังกล่าวว่า จากการตรวจสอบไม่มีการส่งเอกสารให้กับกรมการปกครอง ซึ่งก็เท่ากับเป็นการแอบอ้าง และไม่ได้ทำตามข้อบังคับของแอมเนสตี้ต่างประเทศที่จะต้องมีความร่วมมือกับรัฐบาล มีความเป็นกลาง มีการร่วมมือกับภาคเอกชนในการป้องกันสิทธิเสรีภาพตามหลักสากล แต่แอมเนสตี้ประเทศไทย ทำนอกเหนือ เพราะการเข้าข้างผู้ชุมนุมไม่สามารถทำได้ และไม่สามารถยกป้ายส่งเสริมหรือสนับสนุนได้เด็ดขาดทั้งนี้ นายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง เผยว่า ทางนายทะเบียน ที่จดตั้งสมาคม ได้ทำหนังสือไปยัง แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ให้มาพบ เพื่อมาชี้แจงถึงการเคลื่อนไหวและการกระทำว่าผิดวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสมาคมหรือไม่ ซึ่งก็ต้องดูข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ทางแอมเนสตี้ฯจะมาชี้แจงว่าทำผิดระเบียบอะไรบ้าง

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ได้ออกแถลงการณ์ถึง แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย มีข้อความว่า การที่องค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ออกแคมเปญรณรงค์ชวนคนไทยและคนทั่วโลกบอกรัฐบาลไทยให้ยุติการดำเนินคดีต่อนักกิจกรรมผู้เป็นจำเลยในคดีอาญานั้น เป็นการส่งเสริมการละเมิดสิทธิภายใต้หน้ากากขององค์กรสิทธิมนุษยชน

ภาพ “แรมโบ้” เดือด ฟาดปาก “วิโรจน์” ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น “แรมโบ้” เดือด ฟาดปาก “วิโรจน์” เข้าข้างแอมเนสตี้ฯมาทำลายชาติ ซัด ส.ส.ฝ่ายค้าน ไม่เคยเข้าใจกฎหมายไทย

เนื้อหาระบุว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกมาเปิดเผยถึงกรณีที่มีการล่ารายชื่อเพื่อขับไล่องค์การนิรโทษกรรมสากลประจำประเทศไทย (แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย) ออกจากประเทศไทย ว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ว่ามีความผิดทางกฎหมายอะไรหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทย ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้

ทั้งนี้ ยอมรับว่า เรื่องดังกล่าวเป็นแรงกดดันพอสมควร เพราะเป็นการให้ร้ายกับประเทศเรา ตนไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับประเทศของเราอยู่แล้ว ส่วนเรื่องเอ็นจีโอ ขณะนี้กำลังดำเนินการเรื่องกฎหมายอยู่ เพื่อให้เหมือนกับในต่างประเทศ

ภาพ ศาลฯไม่เชื่อ “เบนจา” จะสำนึกกลับใจ ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ต่อมา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ออกมาทวีตข้อความถึงองค์กรแอมเนสตี้ฯ ระบุว่า “Amnesty เป็นองค์กรสิทธิมนุษยชน ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล มีสมาชิกกว่า 150 ประเทศ

หาก พล.อ.ประยุทธ์ คุกคาม Amnesty อย่างไม่เป็นธรรม ก็จะทำให้ไทยถูกมองจากนานาอารยประเทศ ว่า เป็นประเทศที่ไม่ใส่ใจในเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งจะถือเป็นความอัปยศ และเป็นเรื่องที่น่าอับอายในเวทีโลก”

ทำให้ นายเสกสกล หรือ แรมโบ้อีสาน กล่าวถึง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ว่าการโพสต์ข้อความที่บอกว่าแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เป็นองค์กรสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการยอมรับ หากนายกฯ คุกคามจะถูกนานาชาติมองไทยไม่ใส่ใจเรื่องสิทธิมนุษยชน

โดย นายเสกสกล ระบุว่า ที่ผ่านมา ประเทศไทยใส่ใจเรื่องสิทธิมนุษยชนอยู่แล้ว แต่นายวิโรจน์ควรเอาข้อเท็จจริงมาพูดกันว่าสิ่งที่แอมเนสตี้ฯเคลื่อนไหวลักษณะช่วยกลุ่มม็อบนั้นถูกต้องหรือไม่ เพราะทำผิดกฎหมาย ก้าวล่วงสถาบัน สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทั้งนี้ ตนเองมั่นใจว่า เรื่องนี้นานาชาติเข้าใจดีว่าสถานการณ์ประเทศ และกฎหมายไทยเป็นอย่างไร จะมีก็แต่คนไทยด้วยกัน เช่น นายวิโรจน์ หรือ ส ส.พรรคฝ่ายค้าน ที่ไม่เข้าใจกฎหมายของไทย

ตนเองและประชาชนที่รักสถาบันยังต้องดำเนินการทางกฎหมาย ตรวจสอบ และกดดันขับไล่องค์กรนี้ออกไป โดยจะไม่ยอมให้ใครเข้ามาทำลายประเทศชาติ และสถาบันเด็ดขาด และในระยะยาว นายกฯบอกแล้วว่า ต่อไปต้องออกกฎหมายควบคุม NGO เพื่อให้เหมือนกับในต่างประเทศ อย่างการขึ้นทะเบียนควบคุม การแจ้งที่มาของแหล่งเงินทุน “ผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะต้องมีกฎหมายออกมาควบคุมกลุ่มนี้ เพราะไม่รู้ว่าใครมาดี มาไม่ดี

หากมาไม่ดีก็ต้องกำจัดออกจากประเทศไป นายวิโรจน์ เป็นถึง ส.ส.ควรที่จะเข้าใจในเรื่องนี้ ไม่ใช่ไปเข้าข้างองค์กรที่มาทำลายชาติ บ้านเมือง แต่ไม่ใส่ใจ เห็นใจประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ อยากฝากเรียนคนไทยส่วนใหญ่ให้ทราบว่า พรรคการเมืองใด หรือ ส.ส.คนไหนที่ออกมาเข้าข้างสนับสนุนให้องค์กร หรือ NGO ต่างชาติที่คิดไม่ดีต่อประเทศไทย เอาเงินต่างชาติเข้ามาว่าจ้างให้คนไทยบางคนได้ทำผิดกฎหมายสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองและคิดร้ายต่อสถาบัน พรรคการเมือง และ ส.ส.คนนั้นสุดท้ายจะมีจุดจบ ชะตากรรมที่ไม่สวยมีอันต้องเป็นไป ได้รับผลกรรมที่ทำไว้อย่างแน่นอน”

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น คุกยาว! “เบนจา” อ้อนวอนศาลฯ ให้ปล่อยตัว สุดท้ายโดนฝากขังต่อ เพราะไม่มีคนเชื่อ จะสำนึกกลับใจ?

โดยระบุว่า หลังจากเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 64 ศาลอาญาได้อ่านคำสั่งคดีละเมิดอำนาจศาลหมายเลขดำ ล.ศ.6/2564 ที่ ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา เป็นผู้กล่าวหา น.ส.เบนจา อะปัญ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ อินเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในผู้นำของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ผู้ถูกกล่าวหา

ภาพ เมื่อครั้ง “เบนจา” ป่วนศาลฯ ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
กรณีเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 64 กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ชวนกันมาทำกิจกรรมยื่นจดหมายราชอยุติธรรม พร้อมทั้งยืนอ่านกลอนตุลาการภิวัตน์ ที่ศาลอาญา โดยมีกลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้ามา บริเวณศาล รวมตัวกันอยู่ที่บริเวณบันไดทางขึ้นหน้าศาล ซึ่งมีการใช้เครื่องขยายเสียงและตะโกนข้อความ ปล่อยเพื่อนเรา โดยระหว่างที่มีการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในศาลอาญา ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งร่วมในกลุ่มได้วิ่งผ่านแนวรั้วแผงเหล็กที่กั้นอยู่หน้าบันไดทางขึ้นศาลอาญา พร้อมโปรยแผ่นกระดาษและพยายามหลบหลีกเจ้าหน้าที่ศาลอาญา โดยขณะวิ่งและยังตะโกนสรุปข้อความว่า “ตุลาการเช่นนี้ อย่ามีเลย” และพูดผ่านเครื่องขยายเสียงข้อความอื่นด้วย จนต่อมาได้มีกองหนุนม็อบ 3 นิ้ว ออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวเบนจา

ล่าสุด นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.ก้าวไกล ได้ทวีตข้อความระบุว่า เดินทางใกล้ถึง #ศาลอาญากรุงเทพใต้ มาสังเกตการณ์การพิจารณาประกันตัวเบนจา อะปัญ ทนายความบอกว่า มีสัญญาณที่ดีและมีความหวังว่าวันนี้จะได้รับพิจารณาให้ประกันตัว

แต่ต่อมา นางอมรัตน์ กลับแจ้งข่าวว่า ศาลไม่อนุญาตปล่อยตัวเบนจา และทำการฝากขังต่ออีก 7 วัน โดยระหว่างที่ศาลกำลังอ่านคำพิจารณา เบนจาได้กล่าวถ้อยแถลงว่า “ปล่อยหนูเถอะค่ะ ขังหนูไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร และยังทำให้คนไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมด้วย ปล่อยให้หนูออกไปเป็นทรัพยากรที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ”

ทั้งนี้ เบนจา ถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 64 และเจ้าหน้าที่ได้ยื่นฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ผ่านระบบคอนเฟอเรนซ์ โดยเจ้าตัวถูกแสดงหมายจับคดี ม.112 ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และถูกควบคุมตัวไว้ที่ สน.ทองหล่อ ก่อนส่งฝากขัง

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า หากปล่อยตัวออกไป เกรงว่า จะกระทำความผิดซ้ำ โดยพบว่าขณะนี้ เบนจา อยู่ในเรือนจำนานกว่า 1 เดือน 22 วัน ท่ามกลางกลุ่มผู้ชุมนุมที่กระแสเริ่มแผ่วลง ได้ออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวเบนจา

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา มีการปล่อยตัวแกนนำที่ถูกคุมขัง แต่ก็พบว่าแกนนำเหล่านั้นออกมากระทำความผิดซ้ำ ร่วมกันชุมนุม และละเมิดเงื่อนไขศาลอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทำให้น่าจับตามองว่า การที่เบนจาขอร้องต่อศาล ว่าอยากออกมาเป็นทรัพยากรที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาตินั้น แท้จริงอยากจะทำเพื่ออนาคตตนเอง หรืออาจจะกลับไปกระทำความผิดซ้ำอีกกันแน่

แน่นอน, ความน่าสนใจ มีตั้งแต่ องค์กรแอมเนสตี้ฯ ที่กำลังถูก กรมการปกครองเรียกสอบ ว่าทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ ถ้าผิดจริง การถอนจดทะเบียนก็อาจมีขึ้นตามมา โดยที่คนไทย ซึ่งกำลังเคลื่อนไหวขับไล่ ก็ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยแรง ส่วนจะมีปัญหาตามมาหรือไม่ ก็คงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป

แต่ประเด็นที่สำคัญนอกจากนั้น คือ ความเป็นกลางทางการเมือง ซึ่งมีข้อบ่งชี้อย่างชัดเจนอยู่แล้วว่า มีการเคลื่อนไหวเข้าข้างม็อบ 3 นิ้ว ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่า ม็อบ 3 นิ้วทำผิดกฎหมายหลายมาตรา โดยเฉพาะ ป.อาญามาตรา 112 หรือ หมิ่นสภาบันฯ ซึ่งถือว่า เป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับคนไทย

และการมี “แอมเนสตี้ฯ” ช่วยเคลื่อนไหวในระดับโลก อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แกนนำ 3 นิ้ว ไม่เกรงกลัวที่จะเคลื่อนไหวอย่างเหิมเกริม จาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันฯ และไม่สนใจกระบวนการยุติธรรมไทย ด้วยข้ออ้างต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และความอยุติธรรม โดยหวังว่า “แอมเนสตี้ฯ” และ องค์กรต่างประเทศ รวมถึงประเทศประชาธิปไตย จะยื่นมือให้ความช่วยเหลือ และกดดันทางการไทย ซึ่งก็ดูเหมือนเป็นไปตามนั้น

ดังนั้น สิ่งที่ แกนนำ 3 นิ้วเคลื่อนไหว การหนุนช่วยของ “แอมเนสตี้ ประเทศไทย” และ ส.ส.พรรคก้าวไกลออกมาปกป้อง ทั้งม็อบ 3 นิ้ว และแอมเนสตี้ฯ จึงถูกมองอย่างไม่ต้องสงสัยว่า สอดรับกันราวกับวางแผนกันมาแล้ว?

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงนับว่า น่าจับตามอง การตรวจสอบของกรมการปกครอง จะช่วยให้ทุกอย่างโปร่งใสขึ้น หรือว่า จะยิ่งค้านสายตาคนไทยเข้าไปใหญ่ เพราะความไม่กล้าจัดการ กระแสร้อนอย่างนี้ รับรองมีเดือดแน่ หรือ ไม่จริง


กำลังโหลดความคิดเห็น