“กมธ.ดีอีเอส” เชิญ รมว.ดิจิทัลฯ แจงแนวทาง “Cyber Security-Data Recovery” หน่วยงานรัฐ “กัลยา” หวังใช้ “รัฐสภา” เป็นตัวอย่าง “ชัยวุฒิ” ยันให้ความสำคัญพร้อมหนุนเต็มที่ ย้ำอินเทอร์เน็ตต้องทั่วถึงนำประเทศสู่ยุคดิจิทัล
วันนี้ (25 พ.ย.) เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุม คณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กมธ.ดีอีเอส) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน กมธ. โดยมีวาระสำคัญในการพิจารณานโยบายการสนับสนุนการจัดให้มีการให้บริการโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ตให้ทั่วถึง และครอบคลุมทั้งประเทศ รวมถึงการพิจารณากำหนดแผน และนโยบายการจัดสรรงบประมาณในการจัดตั้งระบบการรักษาความั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber Security) และ Data Recovery ของหน่วยงานภาครัฐ โดยได้เชิญ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมหารือ
โดยที่ประชุม กมธ.ดีอีเอส ได้พิจารณาถึงแนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลทางไซเบอร์ของรัฐสภา นอกจากมี รมว.ดีอีเอส แล้ว ยังได้เชิญสำนักงบประมาณ และ นายบ็อบ ฟอกซ์ Digital Economy/ICT Committee, Chairperson. Joint Foreign Chambers of Commerce in Thailand ชี้แจงถึงการรับมือ และการยกระดับการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ให้ข้อมูล พร้อมเชิญ สำนักงานสารสนเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงถึงการรับมือ ซึ่งสำนักงานฯ ยืนยันมีความพร้อมในการรับมือข้อมูลทางไซเบอร์ แต่ยังมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาขีดความสามารถเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากที่ผ่านมา สำนักงานฯ ก็ยังพบความพยายามจากผู้ไม่หวังดี โจมตีข้อมูลทางไซเบอร์ของสำนักงานฯ หลายครั้ง
ขณะที่ น.ส.กัลยา แสดงความเห็นว่า การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และ Data Recovery เป็นประเด็นสำคัญ ที่หน่วยงานรัฐ และหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะรัฐสภาจะต้องให้ความสำคัญจะต้องทำเป็นตัวอย่าง เพราะหากมีการโจมตี เพื่อขโมยข้อมูลไปใช้ประโยชน์ ก็อาจจะกระทบต่อเศรษฐกิจข้อมูลประชาชน และความมั่นคงของประเทศได้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเสริมความแข็งแกร่งของระบบ ส่งเสริมทักษะให้แก่บุคลากร และสร้างการรับรู้ให้หน่วยงานต่างๆ ตระหนักถึงภัยดังกล่าว
ทั้งนี้ นายชัยวุฒิ ยืนยันว่า กระทรวงดีอีเอสให้ความสำคัญต่อระบบ Cyber Security และพร้อมสนับสนุนรัฐสภา ดำเนินการดังกล่าว เพื่อป้องกันการถูกโจมตีทางข้อมูล และยืนยันว่ากระทรวงดิจิทัลฯ ให้ความสำคัญกับการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เช่น การหลอกลวงโอนเงินผ่านบัญชีกลาง เพื่อปลายทางของมิจฉาชีพ หรือการชำระเงินออนไลน์ ซึ่งสภาผู้แทนราษฎร อาจจะต้องดำเนินการแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติม เพื่อคุ้มครองประชาชน และส่งเสริมให้ประชาชนรู้ทันมิจฉาชีพ
ด้าน พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธาน กมธ.ดีอีเอส แนะนำว่า การทำงานของหน่วยงานราชการ จะต้องให้ความสำคัญต่อการรับมือ และการป้องกันภัยทางไซเบอร์ เนื่องจากเป็นแหล่งรวมข้อมูลสำคัญของประเทศ และประชาชน และสถานการณ์ขณะนี้ มีแนวโน้มสถานการณ์ และความเสี่ยง ที่ได้บ่งชี้แล้วว่า Cyber Security ถือเป็นภัยคุกคามหลัก ที่มีแนวโน้มจะถูกการโจมตีได้เสมอ แม้ที่ผ่านมาหลายหน่วยงานราชการ จะสามารถรับมือได้หลายครั้ง แต่ในอนาคตก็ไม่มีความแน่นอนว่าจะสามารถรับมือได้
น.ส.กัลยา กล่าวว่า นอกจากนี้ กมธ.ดีอีเอส มีความพยายามติดตาม และดูแลการพัฒนาเทคโนโลยี และลงพื้นที่หลายจังหวัดทุกภูมิภาค เพื่อพัฒนาระบบเทคโนโลยี เพื่อยกระดับเศรษฐกิจให้ได้เทียบเท่าต่างประเทศ ซึ่งพบว่า หลายพื้นที่ในประเทศ ยังประสบปัญญาการพัฒนาโครงข่าย จึงมีความจำเป็นต้องมีการแก้ไข เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และนำประเทศเข้าสู่ยุคดิจิทัลให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ทั่วถึง
โดย นายชัยวุฒิ ระบุว่า เทคโนโลยีสาธารณูปโภค เป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานที่มีความจำเป็น แต่ยอมรับว่า ยังมีพื้นที่ห่างไกลที่ยังประสบปัญหาการเข้าถึงเทคโนโลยี แต่รัฐบาล ก็พยายามดำเนินการแก้ไข และขยายสัญญาณไปยังพื้นที่ห่างไกล และตระหนักถึงความจำเป็น ในการให้บริการเครือข่ายสัญญาณ Wi-Fi ฟรี ในพื้นที่ที่มีความจำเป็น หรือเป็นแหล่งชุมชน และได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการจัดการบริหารให้ประชาชนแล้ว โดยมั่นใจว่า ท้องถิ่นหลายพื้นที่สามารถดำเนินการได้ เสมือนนโยบายสมาร์ทซิตี้ ที่บางท้องถิ่นได้ดำเนินการไปแล้ว โดยยืนยันว่า กระทรวงฯ จะช่วยประสาน และดำเนินการให้