“เลิศรัตน์” ชี้ ประโยชน์สภาสูง ซัดร่างแก้ไขให้อำนาจ ส.ส.ล้นฟ้า ด้าน กก.พร้อมหนุนฉบับ ปชช. ชี้ ศาล รธน.มีปัญหาหากปล่อยไว้ประเทศเกิดวิกฤตมาก “ส.ว.กิตติศักดิ์” ของขึ้น ซัด “ปิยบุตร” เนรคุณแผ่นดิน-ล้มสถาบันฯ เจ้าตัวไม่ถือโทษ โยนให้ ปชช.ตัดสินว่า ควรมี ส.ว.แบบนี้อยู่หรือไม่
วันนี้ (16 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกรัฐสภา ทยอยอภิปรายแสดงความเห็นต่อประเด็นการร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับประชาชน กันหลากหลาย โดย ส.ส.พรรคเพื่อไทย และ พรรคก้าวไกล ส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุน ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และ ส.ว. ต่างอภิปรายในแนวทางที่ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะประเด็นการยกเลิก ส.ว.
พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว. อภิปรายว่า มีไม่กี่ประเทศในโลกที่ใช้ระบบสภาเดี่ยว ซึ่งร่างแก้ไขของผู้เสนอ ให้ ส.ส. มีอำนาจล้นฟ้า โดยมีตัวแทนไปนั่งในคณะกรรมการศาล ศาลปกครอง และ สภากลาโหม พร้อมระบุว่า การมี 2 สภา เพื่อที่สภาสูงจะสามารถยับยั้งกฎหมายสภาล่างได้ ซึ่งการกำหนดเช่นนี้ จะทำให้ไม่เกิดลักษณะการมีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งรัฐธรรมนูญ 60 มีการกำหนดจำนวนและที่มา ซึ่งผู้ร่างได้พยายามคิดแล้วว่า จะมีที่มาของการทำหน้าที่ในการยับยั้ง และกลั่นกรองกฎหมายได้ระดับหนึ่ง เห็นได้จากการกำหนดให้มีการเลือกกันเองตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ โดยแบ่งเป็น 20 กลุ่มอาชีพ กลุ่มละ 10 คน ซึ่งการให้เลือกกันเอง ตนเห็นว่า เป็นวิธีที่ค่อนข้างยากที่จะมีการกำหนด หรือล็อบบี้ ได้ จึงขอให้ประชาชนที่เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เห็นถึงประโยชน์ของการมีสภาสูงด้วย
นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า เหตุผลว่าทำไมต้องมีสภาเดี่ยว เพราะ ส.ว.ส่วนใหญ่ของไทยมาจากการแต่งตั้ง แต่มีอำนาจมากไม่ใช่แค่กลั่นกรองกฎหมาย โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ 60 ที่การลงมติต่างๆ ของ ส.ว.เอื้อต่อการสืบทอดอำนาจ ส่วนอำนาจตุลาการนับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตาม ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบได้ อำนาจตุลาการมีบทบาทมากหลังปี 40 ที่มีศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครองเพิ่มขึ้นมา โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ 60 ศาลรัฐธรรมนูญมาจากการแต่งตั้งโดยเครือข่าย คสช. มีอำนาจยุบพรรค ถอดถอน และทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองได้ เราจะเรียกว่าเป็นองค์กรที่เป็นธรรมอีกหรือ ถ้าปล่อยไว้ประเทศเราจะเกิดวิกฤตมาก ล่าสุด การชุมนุมของนิสิต นักศึกษา ถูกวินิจฉัยว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง โดยที่ไม่ได้สิทธิในการต่อสู้คดี ทุกอย่างคลุมเครือ และมีการตัดสินไปถึงอนาคตด้วย ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม เหมือนเป็นการชักธงรบว่าได้ใช้อำนาจทางกฎหมายในการปราบปราม ทั้งที่เป็นเรื่องความคิด และความรู้ ดังนั้น ขอให้สมาชิกรัฐสภาโหวตผ่านวาระ 1 เพื่อนำไปพิจารณาปรับกันภายหลัง ซึ่งพรรคก้าวไกลพร้อมให้การสนับสนุนร่างแก้ไขของภาคประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้เสนอร่าง ชี้แจงรายละเอียดประเด็นเรื่องยกเลิก ส.ว.จนทำให้ นายกิตติศักดิ์ วาราหะ ส.ว. ลุกขึ้นประท้วงว่า นายปิยบุตร กำลังชี้แจงเท็จ เพราะอย่างน้อย ส.ว. มาจากรัฐธรรมนูญ แต่คนที่กำลังอภิปรายไม่สมควรที่จะมาชี้แจงรัฐธรรมนูญ หรือเสนอร่างรัฐธรมนูญ เพราะว่าเป็นคนเนรคุณแผ่นดิน ทำให้ นายพรเพชร จะสั่งให้นายกิตติศักดิ์ นั่งลง ขณะที่ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วงนายกิตติศักดิ์ ว่า การที่ นายกิตติศักดิ์ ลุกขึ้นประท้วงนายปิยบุตร ผิดข้อบังคับข้อไหนก็ไม่บอก เป็น ส.ว. ซะเปล่า
ด้าน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วง นายพรเพชร ว่า ให้ควบคุมการประชุม และขอให้นายกิตติศักดิ์ ถอนคำพูดที่ระบุว่า เป็นคนเนรคุณแผ่นดิน เพราะถือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็น จากนั้น นายกิตติศักดิ์ ได้ยอมถอนคำว่า ผู้ที่นำเสนอร่างรัฐธรรมนูญนั้น เป็นคนเนรคุณแผ่นดิน เป็นคำว่า เป็นคนที่ล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ จน นายรังสิมันต์ ต้องลุกขึ้นประท้วงอีกครั้ง ทำให้ นายพรเพชร สั่งให้ นายกิตติศักดิ์ ถอนคำพูดทั้ง 2 ประโยค เพราะถือว่าไม่สมควร จนนายกิตติศักดิ์ ยอมถอนคำพูดดังกล่าวทั้งหมด
จากนั้น นายพรเพชร ให้ นายปิยบุตร ลุกขึ้นชี้แจงต่อ ซึ่ง นายปิยบุตร กล่าวว่า เพิ่งเคยเห็นการประชุมรัฐสภา ที่มีเพื่อนสมาชิกลุกขึ้นกล่าวหาผู้ชี้แจงแบบนี้ แต่ไม่เป็นไร ตนถือคติมาตลอดว่า ชีวิตนี้ไม่เคยฟ้องหมิ่นประมาทใคร เชิญวิพากษ์วิจารณ์ได้เต็มที่และประชาชนจะวินิจฉัยเองว่า มี ส.ว. แบบนี้ สมควรที่จะมีสภาเดี่ยว หรือสภาคู่ต่อไป