“ไพบูลย์” ค้านหัวชนฝาร่าง รธน.ฉบับ “ไอติม” และ ปชช.เข้าชื่อ 1 แสนคน ชี้ขัดหลักการเดิมที่แก้ไป กลับมาใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ที่ฝ่ายผู้เสนอประณามมาตลอดว่าเป็นมรดก คสช. แค่ประเด็นเดียวก็ไปไม่ได้แล้ว
เมื่อวันที่ 16 พ.ย. เวลา 08.30 น. ที่ห้องประชุมพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ชั้น 6 รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวยืนยันว่า เป็นเหตุผลส่วนตัวที่ไม่สนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช ....ฉบับภาคประชาชนที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ แกนนำกลุ่มรีโซลูชัน กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 135,247 คน เป็นผู้เสนอ ซึ่งจะนำเข้าสู่ที่ประชุมร่วมรัฐสภา วาระแรก ในวันนี้ เพราะอ่านดูแล้วขัดต่อหลักการ ซึ่งล่าสุดเราได้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ กับ ส.ส. 400 เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน แต่ฉบับนี้กลับเขียนขัดกับหลักการเดิมที่ได้แก้ไป โดยกลับมาใช้เป็นบัตรเลือกตั้งใบเดียว กับ ส.ส. 350 เขต คำนวณแบบ ส.ส.แบบปัดเศษ ซึ่งคือ มรดก คสช. ที่ผู้เสนอร่างประณามมาโดยตลอด
“ผมมองว่าไปไม่ได้ เป็นการเสนอร่างย้อนแย้งที่อ้างว่าจะล้างมรดก คสช. แต่กลับมาใช้ระบบเดิม เพียงแค่ประเด็นเดียวก็ไปไม่ได้แล้ว ซึ่งส่วนตัวจะไม่ลุกขึ้นอภิปรายในสภา เพราะเสียเวลา” นายไพบูลย์ กล่าว
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านขอให้ ส.ส. ส.ว. รับหลักการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปก่อน เพื่อลดอุณหภูมิทางการเมืองนั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า การพิจารณากฎหมายไม่เกี่ยวกับเรื่องการลดอุณหภูมิทางการเมือง แต่เกี่ยวข้องกับความถูกต้อง เราต้องนึกถึงหลักการใหญ่ด้วย ซึ่งตนขอถามกลับมาที่พรรคเพื่อไทย ว่า ต้องการบัตรเลือกตั้งใบเดียวหรือไม่ เพราะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านรัฐสภา และอยู่ระหว่างการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมนั้น ตรงนี้ย้อนแย้งกับพรรคเพื่อไทยที่โหวตสนับสนุนหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. มีการประชุม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ โดย นายไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และ นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ได้เป็นประธานในการประชุม
ทั้งนี้ นายนิโรธ ได้กำชับ ส.ส.ขอให้อยู่ร่วมประชุม เพื่อรับฟังการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อป้องกันปัญหาองค์ประชุม อีกทั้งจะได้รับฟังข้อมูล เพื่อกำหนดแนวทางการลงมติ ซึ่งในวันนี้ทางพรรคพลังประชารัฐ จะยังไม่มีมติถึงการโหวตรับหลักการร่างรัฐธรรมนูญในวาระแรก โดยนัดประชุมพรรคอีกครั้งในช่วงเช้าของวันที่ 17 พ.ย.นี้ ก่อนที่จะมีการลงมติรับหลักการในวาระแรก 10.00 น.