xs
xsm
sm
md
lg

VVIP หมอบุญ กับ รถนำขบวน ดรามานี้จะสงบ ต้องจบลงด้วยสำนึก ** “เจ้าคุณพิพิธ” เตือนสติ “พส.ไพรวัลย์” อย่าสำคัญตนผิด ไปต่อรอง กดดัน “สมเด็จธงชัย” เจอสวนทันควันบอกดูหนังจีนเยอะไป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**VVIP หมอบุญ กับ รถนำขบวน ดรามานี้จะสงบ ต้องจบลงด้วยสำนึก

จากไวรัลยอดฮิต คลิปเบนซ์ VVIP สวนเลน มีตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์นำหน้า และโบกขอทางเหมือนรถนำขบวน จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นในโลกโซเชียลฯ ในทำนองทำอย่างนี้ก็ได้เหรอ!!

เรียกว่า คอมเมนต์กันหนาหนัก จนต่อมาเหล่านักสืบโซเชียลฯ ตามสืบจนเชื่อได้ว่าผู้ที่อยู่ในรถเบนซ์ บุญหนักศักดิ์ใหญ่น่าจะเป็น “หมอชื่อดัง” กระทั่งในที่สุด “หมอบุญ” นพ.บุญ วนาสิน ประธานกลุ่มบริษัทโรงพยาบาลธนบุรี ก็ออกมายอมรับว่าตัวเองเป็นผู้นั่งเบนซ์คันดังกล่าว พร้อมคำอธิบายว่า..ใช้เส้นทางนี้มาเป็น 10 ปี เป็นทางวันเวย์ สาวคนโพสต์คลิปนั่นต่างหากที่น่าจะเข้าใจผิดหลงสวนเข้ามา แถมรถตำรวจที่เห็นก็ไม่ใช่รถนำขบวน จนทำให้โลกโซเชียลฯ มาด่าตัวเอง แต่ตัวเองไม่ติดใจอะไร ขออภัยให้ไปก็แล้วกัน

งานนี้ สื่อใหญ่สายสนิทกับหมอดังก็ออกมาขานรับทำหน้าที่ ปฏิบัติการข่าว “Save หมอบุญ” เป็นขบวนทันที จั่วหัวร่วมด้วยช่วยกันว่า งานนี้ “คดีพลิก” หมอมาถูกเลน และเพราะรถติด ตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่จึงอำนวยความสะดวก เป็นเรื่อง ธรรมด๊าธรรมดา ตำรวจก็มาโดยบังเอิญ ไม่ได้นำขบวนเสียหน่อย คล้ายๆ จะบอกว่า “หมอบุญ” โดนด่าฟรี เคราะห์หามยามซวย ทั้งๆ ที่นั่งเบนซ์ขับมาถูกทางแล้ว

นพ.บุญ วนาสิน
พูดง่ายๆ ชาวเน็ตช่างไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวอะไรบ้างเลย สักแต่ด่าๆๆ!

ฝ่ายตำรวจดูจะเดือดเนื้อร้อนใจกว่า “หมอบุญ” ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ขนกันมาชี้แจงยกใหญ่ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่ปรากฏในคลิปของสาวที่ร้องเรียนนำหน้าเบนซ์นั้น เป็นตำรวจ สน.ทองหล่อ เห็นว่า ถูกตั้งคณะกรรมการสอบ โดย ผกก.สน.ทองหล่อ ฉายา “ราชบุตรเขย” เจ้าเก่า ที่ถูกเด้งจากกรณีปล่อยคลัสเตอร์โควิดฉาว “คริสตัลคลับ” หรู แล้วย้ายกลับมาประจำการสั่งการ ทำไมไปโผล่ ณ ที่ตรงนั้น และทำอะไรกันแน่

ส่วน สน.มักกะสัน ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ดูแล ผกก.สน.มักกะสัน ออกมากราบขอโทษประชาชน แต่ก็ออกตัวว่า ถนนเส้นนี้เป็นวันเวย์ แต่ตั้งแต่มีโควิดรถน้อย จราจรโล่ง จึงไม่มีป้ายมาตั้ง หรือไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูจราจรตามปกติ วันเกิดเหตุก็บังเอิญเสียเหลือเกินรถกลับมาติดหนึบหนับ ตำรวจจึงขี่รถมาจะไปทำหน้าที่ปิดกั้นรถที่จะสวนมา แต่ก็ไปตั้งแผงเหล็กปิดถนนช้า และก็สรุปด้วยว่า ความชุลมุนชุลเกที่เกิดขึ้น ไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องผิด-ถูก ด้วยเจตนาเดินรถของทั้งคู่ ก็ผิดกันหมดงานนี้ ทั้งรถหมอ รถสาวเจ้าของคลิป และเจ้าหน้าที่ ก็ผิดตรงที่ไปกั้นแผงเหล็กช้า


ว่าไปแล้วเรื่องนี้ก็สะท้อนปัญหาสังคม ที่ต้องขอบคุณโลกโซเชียลฯ ที่เป็นสื่อตีแผ่ออกมา ชาวเน็ตให้ความสนใจจนเป็นไวรัล กระตุ้นเตือนให้ตำรวจ คนเกี่ยวข้องได้ออกมาตรวจสอบ คู่กรณี ใครผิดใครถูก หากผิดก็ควรว่ากันตามผิด ให้เป็นบรรทัดฐานในสังคม จะอ้างว่าเป็นคนใหญ่คนโต เร่งรีบ เร่งด่วน หรือพอทำผิดก็ไร้สำนึก ไม่ใช่อะไรๆ ก็อย่าให้โดนจับได้ พอโดนจับได้ก็อย่ายอมรับ ถ้าจำนนหลักฐานจนต้องยอมรับ ให้ยอมรับแค่ครึ่งเดียว ท่องคาถาของ “คนดีย์” เอาไว้เป็นยันต์ป้องกันตัวเองตลอดเวลา

ของแบบนี้มันอยู่ที่ “จิตสำนึก” ดรามานี้จะสงบจบลงได้ก็ด้วยจิตสำนึก ไม่ใช่ ไร้สำนึก

งานนี้ จะจบยังไง ก็โปรดติดตามกันต่อไป



** “เจ้าคุณพิพิธ” เตือนสติ “พส.ไพรวัลย์” อย่าสำคัญตนผิด ไปต่อรอง กดดัน “สมเด็จธงชัย” เจอสวนทันควันบอกดูหนังจีนเยอะไป

กรณี “พส.ไพรวัลย์” หรือ พระมหาไพรวัลย์ แห่งวัดสร้อยทอง ออกมาก้าวล่วง กดดัน “สมเด็จธงชัย” สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี แห่งวัดไตรมิตรวิทยาราม ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ประกาศท้าทายบอกจะสึก ถ้า “เจ้าคุณอุทัย” พระราชปัญญาสุธี ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง

เจ้าคุณพิพิธ
ตอนนี้ก็เปิดแนวรบไปถึง “เจ้าคุณพิพิธ” พระเทพปฏิภาณวาที แห่งวัดสุทัศน์เทพวราราม หลังจาก “เจ้าคุณพิพิธ” ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า “พส.ไพรวัลย์” กำลังสำคัญตนผิด คิดว่ามีแฟนคลับ มีคนติดตามเยอะ ก็จะใช้พลังโซเชียลฯไปกดดัน “สมเด็จธงชัย” ให้ทำตามที่ตนเองต้องการ

ทั้งที่ต้นเหตุเกิดจากการกระทำของ “พส.ไพรวัลย์” ทั้งนั้น พอถูกวิพากษ์วิจารณ์ ก็บอกว่าจะสึก เท่ากับเอาตัวเองเข้าไปต่อรอง คิดว่าตัวเองมีคนติดตามดูเป็นล้าน คนพวกนี้จะต้องมาช่วย ทั้งที่เขาอาจตามดูด้วยความตลก ความแปลกใหม่ ความบ้าๆ บอๆ ก็ได้

“เจ้าคุณพิพิธ” ว่า เรื่องสึก บอกไว้เลยไม่มีคนมาช่วยหรอก ในโลกใบนี้ให้จำไว้ ไม่มีใครช่วยได้อย่างแท้จริง เปรียบเหมือนผลไม้ตก ไม่มีใครเขาเก็บหรอก เพราะเขาคิดว่าผลไม้เสีย ...ส่วนจะสึกหรือไม่ ไม่มีใครเขาไปบังคับ จะมีก็แต่คำพูดตัวเองนั้นแหละจะเป็นข้อผูกมัด...

ถูกจับจุดขยี้ใจอย่างนี้ “พส.ไพรวัลย์” ก็โพสต์โต้ทันทีว่า ...ประมาณว่า เรื่องสึกนั้น ถ้าจะสึกก็จะสึกเอง ไม่ต้องมากดดัน เพราะทุกเรื่องที่พูดไปนั้นมันคือความสัตย์ คือ สิ่งที่ควรพูด ควรทวงถาม ไม่เกี่ยวกับว่าสำคัญตัวผิดอะไร

... ผมไม่ใช่พวกเล่นละครเก่ง เวลาโทร.มาคุย คุยอีกแบบหนึ่ง เวลาอยู่หน้าสื่อ พูดอีกแบบหนึ่ง พูดแบบนางเอกละครหลังข่าว พูดแบบไม่ต้องใช้ความกล้าหาญอะไร ใครก็พูดได้ ผมก็พูดได้ ถ้าจะพูด

พระมหาไพรวัลย์
ผมว่าอาจารย์ดูหนังจีนเยอะไปนะครับ พูดเรื่องการศึกสงคราม เรื่องการต่อรองอะไรเนี่ย ความยุติธรรม ความเป็นธรรม เป็นเรื่องของการต้องต่อรองตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ หรือผมเข้าใจผิดมาโดยตลอด ผมนึกว่าเรื่องความเป็นธรรม เป็นเรื่องของการต้องส่งเสียงเรียกร้อง อาจารย์กำลังทำให้คณะสงฆ์ดูแย่ไปอีกนะครับ จะโดยรู้ตัวหรือไม่ พูดเหมือนคณะสงฆ์ไม่ต่างจากเกมการเมืองของพวกฆราวาสเลย...

ผมรักการพระศาสนา รักคณะสงฆ์ และลึกๆ ก็เคารพนับถือพระผู้ใหญ่ ผมจึงพูดอะไรอย่างตรงไปตรงมา ในฐานะของกัลยาณมิตร ของคนรุ่นใหม่ ของลูกของหลาน ผมเจียมตัวเสมอครับ และพูดคิดอะไร คือไตร่ตรองดีแล้ว หลายครั้งหลายหนเหลือเกินที่ผมเลือกจะไม่โต้อาจารย์ เพราะยังเห็นแก่ความเคารพนับถือ ครั้งก่อนก็เรื่องความไม่ก้าวหน้า ไม่มีอนาคต ทำไมอาจารย์ถึงมองว่า อนาคตของอาจารย์ กับอนาคตของผม คือ อนาคตเดียวกันละครับ ผมเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงแบบที่อาจารย์คิดตอนไหน

อาจารย์เองก็โดนเยอะนะครับ ทั้งเรื่องสำนักงานตัวเองที่โดนเวียนคืน ทั้งเรื่องการเขียนกลอน เมื่อครั้งก่อน เรื่องพวกนี้ไม่ทำให้อาจารย์เห็นสัจธรรมอะไรเลยเหรอครับ ขอประทานโทษเถอะครับ อย่าทำให้ผมหมดความนับถือเลย ...

ดูกร “พส.ไพรวัลย์” สติ..สติ!! ตอนนี้รู้สึกว่าท่านจะถลำลึกเข้าสู่กับดักของตัวเองแล้วนะ




กำลังโหลดความคิดเห็น