“เสกสกล” ตีแสกหน้า “ยิ่งลักษณ์” สุมหัว “ปลอดประสพ-กิตติรัตน์” ออกคลิปน้ำท่วมปี 54 แก้ตัวน้ำขุ่นๆ ฟอกตัวเองไม่เกรงใจประชาชน โยนบาปให้คนอื่น ย้ำคนไทยไม่เคยลืมความล้มเหลว น้ำท่วมยาวข้ามปี 54-55 ครอบคลุม 65 จังหวัด เสียหาย 1.425 ล้านล้านบาท
วันนี้ (19 ต.ค.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เผยแพร่คลิป “น(า)ทีวิปโยค : 10 ปีมหาอุทกภัย” ย้อนรอยเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยนายเสกสกล ได้ออกมาเปิดเผยว่า อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณคิดเพื่อไทยทำอีกหลายคน โดยเฉพาะ นายปลอดประสพ สุรัสวดี และ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์พาดพิงกล่าวหาหน่วยงานรัฐ รวมไปถึงพยายามแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ฟอกตัวอย่างไม่เกรงใจประชาชนที่ทุกข์ระทมขมขื่น มีชีวิตเหมือนตกนรกทั้งเป็นหลายเดือนจากการบริหารจัดการน้ำไร้ประสิทธิภาพในยุคนั้น
ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์น้ำท่วมปี 2554 ยาวข้ามปีไปถึง 2555 คนไทยจำได้ดี น้ำท่วมกินพื้นที่กว่า 36 ล้านไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 65 จังหวัด ไล่ตั้งแต่เชียงใหม่ลงมาถึง กทม. ประชาชนเดือดร้อนกว่า 12 ล้านคน คนตายอย่างน้อย 815 คน มีคนไทยกว่า 5 ล้านคน กลายเป็นผู้อพยพ คนงานเกือบ 650,000 คน ตกงานหรือได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีนักวิชาการธนาคารโลกประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ 1.425 ล้านล้านบาท
แต่มาวันนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ กับพวก กลับหน้ามึนถึงขนาดออกมาโยนขี้ให้คนอื่นไปทั่ว ไม่เห็นความบกพร่องผิดพลาดของพวกตนเลย พยายามแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ด้วยวาทกรรมเดิมๆ ทั้งๆ ที่ความจริง รัฐบาลยิ่งลักษณ์แถลงนโยบายในวันที่ 23 สิงหาคม 2554 หากใส่ใจกับการแก้ปัญหาจริงๆ เหมือนการออกพาสปอร์ตและแก้ปัญหาให้นายทักษิณ ชินวัตร พี่ชายที่หนีคดีอยู่ ย่อมจะสามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนทุเลาลงได้มากกว่านี้หลายเท่านัก สถานการณ์น้ำท่วมปี 54 ส่งสัญญาณมาจากพายุไหหม่า และนกเต็น ตั้งแต่เดือน มิ.ย. และ ก.ค. 2554 มีสถานการณ์น้ำท่วม ประชาชนเดือดร้อนจำนวนมาก แต่ยิ่งลักษณ์มัวแต่นวยนาด กว่าจะลงมือแก้ปัญหาจริงๆ จังๆ ก็กลางเดือนกันยา 54 กว่าจะตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยก็เดือนตุลา 54 ใช้สนามบินดอนเมืองเป็นศูนย์ แล้วสุดท้ายขนาดดอนเมืองยังปล่อยให้ท่วม แล้วชีวิตชาวบ้านจะเหลืออะไร นั่นเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากของคนไทย ที่ต้องทนอยู่กับนายกฯ โง่ๆ และรัฐบาลหุ่นเชิดที่คอยแต่รับคำสั่งจากคนแดนไกลอย่างแท้จริง
หลายฝ่ายถอดบทเรียนตรงกันว่า ปัญหาใหญ่ส่วนหนึ่งในอุทกภัยปี 54 นอกจากน้ำท่วมเยอะสูงสุดในประวัติศาสตร์แล้ว ยังมีประสิทธิภาพต่ำของรัฐบาลที่ทำงานมุ่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นหลัก แต่ขาดความรวดเร็วและคิดไม่รอบด้าน ขาดการวางแผนและเตรียมการป้องกันที่ดี แย่งซีนกันทำงาน เอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา การสื่อสารในยามวิกฤตล้มเหลวสิ้นเชิง อย่างการแถลงข่าวของ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ที่เป็นหัวหน้าทีมปฏิบัติการของ ศปภ.เมื่อ 13 ตุลาคม 2554 ผ่านการถ่ายทอดสดทางทีวี บอกว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในปทุมธานีเริ่มวิกฤต จึงขอเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ปทุมธานีและใกล้เคียงอพยพมาอยู่ที่ดอนเมือง จนสร้างความปั่นป่วนไปทั่ว แล้วหลังจากนั้น น้ำก็ท่วมศูนย์ ศปภ.ถึงบันไดเครื่องบิน จนต้องย้ายหนี เป็นภาระของสังคมเสียอีก แม้แต่ของบริจาคประชาชน ยังมุบมิบ ติดป้ายเอาหน้าหาเสียง อมทั้งของหลวงของราษฎร์ ตัวนายกฯ ก็อ่านแถลงการณ์ผิดๆ ถูกๆ เป็นที่น่าเวทนาแก่ใจของคนไทยในขณะนั้น
นายกิตติรัตน์ เอง ก็ทำได้เพียงไปร้องไห้กับนักลงทุนต่างชาติ ผลสำรวจออกมา ชาวบ้านจดจำชัดเจนว่าใครช่วย ใครเป็นที่พึ่งในยามนั้นมากที่สุด คือ ทหาร-จิตอาสา หรืออาสาสมัครภาคประชาชนและสื่อมวลชน
ยิ่งกว่านั้น การมาฟอกตัวเรื่อง พ.ร.ก.น้ำ 3.5 แสนล้านบาท ก็เป็นการบิดเบือน เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น โครงการน้ำที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เร่งรัดผลักดันทำโครงการเป็นโมเดลต่างๆ เป็นการเอาโครงการประเภทร้อยพ่อพันแม่มามัดรวมกันเป็นกลุ่มๆ แล้วให้เอกชนเข้ามายื่นข้อเสนอ ยื่นราคารับเหมา โดยไม่มีราคากลางตามกฎหมายปกติ งดเว้นระเบียบราชการ แต่ตั้งกรอบงบเอาไว้ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท ต้องครหาส่อทุจริต ผลประมูลปรากฏว่า กลุ่มเค-วอเตอร์จากเกาหลีใต้คว้าชิ้นปลามันไปครอง โดยก่อนหน้าจะประมูล ปรากฏว่า นายทักษิณ ชินวัตร โผล่ไปเยี่ยมถึงที่ทำการของเค-วอเตอร์ในเกาหลีใต้ วงเงินที่เสนอราคาชนะเรียกว่าพอดีกับกรอบวงเงินที่ตั้งไว้ แทบจะไม่มีการแข่งขันราคากันเลยก็ว่าได้ โครงการทั้งหลายนั้น ต่อให้เซ็นสัญญากับเอกชนไปจริงๆ หลายโครงการยังไม่เคยมีการศึกษาความคุ้มค่าและผลกระทบใดๆ มาก่อนเลย หากเดินหน้าต่อ สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดค่าโง่มโหฬาร และเกิดความเสียหายบานปลายไปอย่างไม่อาจประเมินได้ต่อประเทศชาติ
จะเห็นได้ว่า หลังยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ รัฐบาลต่อจากนั้นจนถึงปัจจุบัน ได้มีการดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำจำนวนมาก ในหลายพื้นที่ หลายลุ่มน้ำ ด้วยวิธีการจัดซื้อจัดจ้างปกติ ไม่ต้องไปออกกฎหมายเฉพาะกิจเพื่อกู้เงินและยกเว้นระบบราชการเหมือนที่พยายามดิ้นรนทำในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เสมือนหนึ่งอาจจะมีการเตรียมการโกงกินหาเงินทอนใต้โต๊ะจากโครงการน้ำ ที่ไร้ความจริงใจในการแก้ไขให้ประชาชน
การที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ออกคลิปน้ำท่วมปี 54 จึงเป็นดรามา ทำเพียงแค่แก้ตัวน้ำขุ่นๆ หวังฟอกตัวแบบไม่เกรงใจประชาชน โยนบาปให้คนอื่นทั้งหมด ยกเว้นพวกตัวเองที่เป็นคนบริหารจัดการล้มเหลวแท้ๆ
“คนอย่างนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่มีภาวะความเป็นผู้นำ ไร้ความรับผิดชอบต่อการบริหารจัดการน้ำท่วม ทำให้แก้ปัญหาล้มเหลว และยังปัดความรับผิดชอบให้คนอื่นเช่นนี้ ยิ่งออกมาพูดแก้ตัวยิ่งอายปากตัวเองมากกว่า หยุดอ้าปากพูดจะได้ประโยชน์มากกว่าไหม” นายเสกสกล กล่าว