xs
xsm
sm
md
lg

“แรมโบ้” ซัด “ลิ่วล้อเพื่อไทย” ย้อนดูตัวเอง ปล่อยน้ำท่วมใหญ่ปี 54 คิดแต่จะกินเงินทอน ไม่หาทางช่วย ปชช.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“แรมโบ้” ซัด ลิ่วล้อ “เพื่อไทย” สงสัยเกิดไม่ทันปี 54 ที่น้ำท่วมสูงสุดสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จึงไม่รู้ความจริง แนะย้อนดูตัวเองปล่อยน้ำท่วมประเทศครั้งประวัติศาสตร์ เพราะคงคิดหาเงินทอนจากเงินกู้ 3.5 แสนล้าน หรือเปล่า จึงไม่มีเวลามาคิดช่วยประชาชน

วันนี้ (11 ต.ค.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงบรรดา ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรค นางสาวอรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลนายกฯ ประยุทธ์ โดย นายเสกสกล ระบุว่า อยากให้พรรคเพื่อไทยมองอย่างรอบด้าน และใช้สมองคิดด้วยว่า ที่ผ่านมา ตั้งแต่นายกฯ ประยุทธ์ เข้ามาบริหารประเทศนั้น ได้แก้ไขปัญหาเรื่องใดไปบ้าง ผลงานมากมายกว่าในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย และรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ในอดีตมากมายหลายเท่า เพราะรัฐบาลยุคนี้ไม่มีเวลามาคิดโกงกินเงินภาษีของพี่น้องประชาชน หรือมีเวลามาคิดที่จะหาเงินทอนจากโครงการอภิมหาโปรเจกต์ทั้งหลายเหมือนในอดีต ที่รัฐบาลไทยรักไทย และเพื่อไทย ได้สร้างผลงานขี้โกงเอาไว้มากมาย จนผู้นำอดีตนายกฯ ทั้งสองต้องหอบผ้าหนีคุกหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ จำไม่ได้เชียวหรือ

ส่วนปัญหาอุทกภัยถือเป็นเรื่องภัยธรรมชาติ ซึ่งเมื่อปี 54 สมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ก็เกิดอุทกภัยใหญ่เช่นเดียวกัน หากเทียบกันแล้ว รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์มีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินถึง 65 จังหวัด เสียหาย 69 ล้านไร่ แต่ปี 2564 ครบรอบ 10 ปี ข้อมูลจากจิสด้า พบว่า ปีนี้น้ำท่วมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง 21 จังหวัด มีพื้นที่เสียหาย 1.33 ล้านไร่ และปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปี 2554 รวม 23,605 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 95% ปี 2564 รวม 11,969 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 48% ปี ทำให้ปริมาณน้ำรวม 4 เขื่อนน้อยกว่าปี 2554 อยู่ 11,636 ล้าน ลบ.ม.

นอกจากนี้ ทันทีที่เกิดอุทกภัย นายกฯ และรัฐมนตรีทุกคนได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างทันที พร้อมสั่งการให้ดูแลประชาชนในทุกด้าน ทั้งเส้นทางการคมนาคม กำชับให้กระทรวงคมนาคม เร่งแก้ไขปัญหาเร่งสำรวจเส้นทางการคมนาคม ที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัยและแก้ไขซ่อมแซมฟื้นฟูโดยเร็วเมื่อสถานการณ์อุทกภัยมีความคลี่คลายแล้ว

พร้อมกันนี้ นายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้สั่งการทุกเหล่าทัพกระจายกำลังลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนหมุนเวียนกว่า 10,000 นาย พร้อมยุทโธปกรณ์และเครื่องมือช่าง จัดสร้างพื้นที่พักหลบภัยชั่วคราว พร้อมห้องน้ำและห้องสุขา รถพยาบาล แจกจ่ายอาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย ขณะเดียวกัน ให้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ผล กระทบจากร่องมรสุมพาดผ่านและผลกระทบจากพายุโซนร้อน “ไลออนร็อก” และ “คมปาซุ” โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัย โดยให้เสริมกำลังหมุนเวียนร่วมกับจิตอาสากระจายลงพื้นที่เข้าช่วยประชาชนให้ทั่วถึง ส่วนการเยียวยา นายกฯ สั่งการให้จังหวัดเร่งสำรวจความเสียหายที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน เพื่อเยียวยาฟื้นฟูตามระเบียบของราชการ นายกฯ ได้สั่งการเตรียมแผนงานทั้งก่อนพายุจะเข้ามา และลงเยี่ยมช่วยเหลือประชาชนช่วงน้ำท่วมตลอดจนสั่งการช่วยเหลือทุกอย่างหลังน้ำท่วม ตรงกันข้ามในสมัยพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ไม่เคยคิดเตรียมการแต่กลับปล่อยให้น้ำท่วมจนประเทศไทยแทบจะจมลงใต้บาดาลเกือบทั้งแผ่นดิน ประชาชนเดือดร้อนไปทั่วทุกหัวระแหง

นายเสกสกล กล่าวต่อว่า ก่อนที่บรรดาลิ่วล้อพรรคเพื่อไทยทั้งหลาย จะออกมากล่าวหา โจมตีนายกฯ และรัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ ขอให้ย้อนดูตัวเองก่อนว่าที่ผ่านมารัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ได้แก้ไขปัญหาประเทศ พัฒนาประเทศหรือบริหารจัดการน้ำอย่างไรบ้าง ลิ่วล้อเพื่อไทยควรเอาเวลาทำตัวให้เป็นประโยชน์ลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนดีกว่าเอาเวลามาพูดโจมตีคนอื่น เพราะประชาชนจะได้เห็นใจเผื่อจะได้เข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง เพราะเป็นฝ่ายค้านมานานเกือบจะ 8 ปี หัวอกคงใกล้จะระเบิดตายอยู่แล้ว จึงออกมาตีโพยตีพายรัฐบาลรายวันกันเป็นฝูงเช่นนี้ โดยไม่ย้อนกลับไปดูผลงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยปี 54 ถ้าไม่รู้ข้อมูล ไม่ไปศึกษาย้อนหลัง แสดงว่าลิ่วล้อเหล่านี้เกิดไม่ทันใช่ไหม

“ผมคิดว่า ในรัฐบาลสมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ คงจะคิดแต่เรื่องอภิมหาโปรเจกต์โครงการแก้ไขจัดการน้ำที่จะกู้มา 3.5 แสนล้าน และโครงการโคตรอภิมหาโปเจกต์เงินกู้ 2.2 ล้านล้าน ว่าจะได้เงินทอนกันกี่เปอร์เซ็นต์แบ่งกันยังไม่ลงตัวใช่ไหม จึงไม่มีเวลามาวางแผนเตรียมการป้องกันน้ำท่วมช่วยประชาชน จึงทำให้เกิดน้ำท่วมสูงสุดในประวัติการณ์ของประเทศไทย และเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ บรรดาลิ่วล้อโปรดช่วยเอาสมองมาคิดย้อนอดีต ทบทวนให้ดีก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น มันช่างหน้าอับอายขายขี้หน้าพี่น้องประชาชน และควรจะละอายปากตัวเองก่อนที่จะออกมาด่าทอต่อว่าคนอื่นบ้าง” นายเสกสกล กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น