ศปก.ศบค.ชง ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาปรับพื้นที่สีแดงเข้มเหลือ 24 จังหวัด พร้อมปรับเวลาเคอร์ฟิวเหลือช่วง 5 ทุ่มถึงตี 3 เริ่ม 16 ต.ค.เป็นเวลา 14 วัน พร้อมเตรียมเคาะ 10 ประเทศเสี่ยงต่ำเข้าไทยโดยไม่ต้องกักตัว
วันนี้ (13 ต.ค.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 หรือ ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ เป็นประธานการประชุม ในเวลา 10.00 น. วันพรุ่งนี้ จะมีการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 หลังจากผ่อนคลายมาตรควบคุมกิจการกิจกรรมต่างๆ มาครบ 14 วัน นอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการ ศบค.(ศปก.ศบค.) จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาผ่อนคลายเพิ่มเติม รวมถึงพิจารณาปรับสีพื้นที่ใหม่ โดยจะลดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดหรือสีแดงเข้ม จาก 29 จังหวัด เหลือ 24 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือสีแดง จาก 37 จังหวัด เหลือ 29 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม หรือสีส้ม จาก 11 จังหวัด เพิ่มเป็น 24 จังหวัด
พร้อมกันนี้ ศปก.ศบค.จะเสนอให้ที่ประชุม ศบค.พิจารณาเกี่ยวกับคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถาน หรือเคอร์ฟิว ในพื้นที่สีแดงเข้ม โดยเสนอให้ปรับเวลาจากเดิม 22.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เป็น 23.00-03.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 16-31 ต.ค. 2564 เป็นเวลา 14 วัน
ส่วนกิจการกิจกรรมในพื้นที่สีแดงเข้ม จะเสนอให้ผ่อนคลายและปรับมาตรการ คือ ให้สามารถจัดการประชุมรวมถึงงานประเพณีในศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ และสถานที่ลักษณะเดียวกันในห้างสรรพสินค้าหรือโรงแรมได้ โดยปรับจำนวนการรวมกลุ่มคนตามระดับพื้นที่สี โดยให้พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามจัดกิจกรรมที่มีคนมารวมกันมากกว่า 50 คน พื้นที่ควบคุมสูงสุดห้ามจัดกิจกรรมที่มีคนมารวมกันมากกว่า 100 คน พื้นที่ควบคุม ห้ามจัดกิจกรรมที่มีคนมารวมกันมากกว่า 200 คน พื้นที่เฝ้าระวังระวังสูง ห้ามจัดกิจกรรมที่มีคนมารวมกันมากกว่า 300 คน และพื้นที่เฝ้าระวัง ห้ามจัดกิจกรรมที่มีคนมารวมกันมากกว่า 500 คน รวมถึงให้เปิดสถานดูแลผู้สูงอายุแบบไป-กลับได้ แต่ต้องได้รับการพิจารณาอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ซึ่งกิจการกิจกรรมที่จะปรับมาตรการในครั้งนี้ให้ดำเนินการได้ไม่เกินเวลา 22.00 น.
นอกจากนี้ ศปก.ศบค.จะเสนอให้ที่ประชุม ศบค.พิจารณาแนวทางการเปิดประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ 10 ประเทศ แบบไม่ต้องกักตัว โดยจะพิจารณาปัจจัยหลักคือ จำนวนผู้ติดเชื้อของแต่ละประเทศ
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอให้ ศบค.พิจารณาสูตรฉีดวัคซีนแบบไขว้ คือ ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า ตามด้วยไฟเซอร์
นอกจากนี้ จะมีการเสนอให้ที่ประชุมพิจารณามาตรการแนวทางการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อรองรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 พ.ย. รวมถึงความพร้อมด้านต่างๆ ก่อนที่จะอนุญาตให้สถานบันเทิงเปิดให้ลูกค้าดื่มกินในร้านได้วันที่ 1 ธ.ค.ด้วย