รัฐบาลหนุนไมโคร-เอสเอ็มอี เข้าถึงสภาพคล่อง บสย.ปรับเกณฑ์ค้ำประกันเป็น 100% เพิ่มความมั่นใจให้ธนาคารปล่อยกู้ พ.ร.ก.สินเชื้อฟื้นฟู อนุมัติแล้ว 1.08 แสน ลบ.
วันนี้ (11 ต.ค.) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยตัวเลขการปล่อยสินเชื่อภายใต้พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 หรือที่เรียกว่า พ.ร.ก.สินเชื้อฟื้นฟู ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ณ วันที่ 8 ตุลาคม 2564 แบ่งเป็น 1. โครงการสินเชื่อฟื้นฟู มีสินเชื่อได้อนุมัติแล้วจำนวน 1.08 แสนล้านบาท ผู้ได้รับความช่วยเหลือจำนวน 3.5 หมื่นราย (เดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 7.8 หมื่นล้านบาท 2.5 หมื่นราย) คิดเป็นวงเงินอนุมัติเฉลี่ยจำนวน 3.07 ล้านบาท/ราย โดยประมาณร้อยละ 45 ของผู้ได้รับความช่วยเหลือทั้งหมดเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และ 2. โครงการพักทรัพย์ พักหนี้ มีมูลค่าสินทรัพย์ที่ได้รับโอนแล้ว 1.5 หมื่นล้านบาท ช่วยเหลือไปแล้ว 112 ราย (เดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 1 พันล้านบาท มี 16 ราย) รวมทั้งยังมีผู้ประกอบการที่สนใจรายอื่น ๆ อยู่ระหว่างการเจรจาด้วย
ขณะเดียวกัน การค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอี ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) คาดว่า จนถึงสิ้นปีนี้ ยอดการค้ำประกันจะเกิน 2 แสนล้านบาท โดยประมาณ 1 แสนล้านบาท มาจากการค้ำประกันสินเชื่อฟื้นฟูของ ธปท. และอีกประมาณ 8-9 หมื่นล้านบาท มาจากการค้ำประกันตามปกติของ บสย. ทั้งนี้ บสย.เพิ่งได้ขยายกรอบวงเงินค้ำประกันสินเชื่อฟื้นฟูของ ธปท.ออกไปอีก 1 แสนล้านบาท และปรับหลักเกณฑ์ให้เปิดกว้างมากยิ่งขึ้นเพื่อช่วยผู้ประกอบการกลุ่มไมโคร และ กลุ่มเอสเอมอีที่เปราะบาง ได้ลดภาระต้นทุนค่าธรรมเนียม และเพิ่มโอกาสได้วงเงินสินเชื่อเพิ่ม ซึ่งรายละเอียดประกอบด้วย
1. ปรับลดค่าธรรมเนียมค้ำประกันทันทีตั้งแต่ปีแรก สำหรับผู้ประกอบการกลุ่มไมโคร และ กลุ่มเอาเอ็มอีเปราะบาง จ่ายเริ่มต้นเพียง 1% ต่อปีต่อเนื่อง 4 ปีแรก รวม 13% ตลอดระยะเวลา 10 ปี
2. เพิ่มโอกาสผู้ประกอบการกลุ่มไมโคร และกลุ่มเอสเอ็มอีเปราะบาง ได้รับวงเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้นสูงสุด 50 ล้านบาทต่อราย
3. เพิ่มความมั่นใจให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อโดย บสย. จ่ายค่าประกันชดเชยเต็ม 100% ในกลุ่มไมโครจากเดิม 90% และ กลุ่มเอสเอ็มอีเปราะบาง จากเดิม 80%
ผู้ประกอบการที่มีความประสงค์เข้าร่วมโครงการสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับคำปรึกษาฟรีที่ศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs หรือ บสย. F.A. Center ที่ บสย. Call Center 02-890-9999 ในวันเวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น.
“นายกรัฐมนตรีติดตามความคืบหน้าการเข้าถึงสินเชื่อของผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิด และอยากให้ผู้ประกอบการไมโครและเอสเอ็มอี มาขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ให้มากขึ้น เพื่อเข้าถึงสิทธิประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือพิเศษ อาทิ การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และมาตรการที่จะออกมาอยากต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสร้างเสริมความแข็งแกร่งให้สามารถเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปด้วย” นางสาวรัชดา กล่าว