โฆษกรัฐบาล ปลื้ม รัฐบาลเติมเงินคนละครึ่งรอบสอง เข้า “เป๋าตัง” ประชาชนพอใจออกมาใช้จ่ายมากขึ้น ทำยอดใช้จ่ายมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐสะสมพุ่งสูงถึง 9.6 หมื่นล้านบาท ผู้ใช้สิทธิเกือบ 40 ล้านคน “นายก” เดินหน้าเร่งพลิกโฉมประเทศ
วันนี้ (10 ต.ค.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงการคลัง ได้โอนเงินคนละครึ่งรอบที่ 2 จำนวน 1,500 บาท เข้าแอปฯ เป๋าตัง เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม และสามารถใช้สิทธิคนละครึ่งเฟส 3 และยิ่งใช้ยิ่งได้ ผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดดีลิเวอรี อย่าง GRAB และ LINE MAN ได้ เป็นการกระตุ้นให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทำให้ขณะนี้ยอดรวมของมาตรการเยียวยาและการฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เพิ่มกำลังซื้อในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษนั้น มียอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ ผู้ใช้สิทธิสะสมรวม 39.62 ล้านคน ยอดใช้จ่าย สะสม รวม 96,217 ล้านบาท แบ่งเป็น 1) โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 24.81 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 82,670.2 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 42,032.9 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 40,637.3 ล้านบาท 2) โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 79,964 คน ยอดใช้จ่ายส่วนประชาชนสะสม 2,508 ล้านบาท และยอดใช้จ่ายด้วย e-voucher สะสม 114 ล้านบาท 3) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.54 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 10,188.3 ล้านบาท และ 4) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 1.19 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 736.5 ล้านบาท
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมที่ประชาชนมีการปรับตัวและทยอยออกมาใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่กันแล้ว มาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลวางไว้ ทำให้วันนี้ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายและเศรษฐกิจกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ โดยยอดการใช้จ่ายโครงการสะสมผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์มล่าสุด เพียง 4 วันแรก (4-7 ตุลาคม 2564) ของโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีการใช้จ่ายสะสม 112.4 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 57.9 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่าย 54.5 ล้านบาท ส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้มีการใช้จ่ายสะสม 94,703 บาท แล้ว ทั้งนี้ ประชาชนจะสามารถใช้สิทธิคนละครึ่งเฟส 3 และยิ่งใช้ยิ่งได้ ผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดดีลิเวอรี อย่าง GRAB และ LINE MAN ในการสั่งซื้ออาหารและเครื่องดื่ม โดยรัฐช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายแบบไม่รวมค่าจัดส่ง ซึ่งตอนนี้มีร้านค้าให้บริการผ่านฟู้ดดีลิเวอรีแพลตฟอร์มแล้ว กว่า 54,000 ราย ประชาชนสามารถสั่งซื้อได้ตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น. ของทุกวัน
“ตอนนี้ประชาชนมีการปรับตัวและทยอยออกมาใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่กันแล้ว ผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการ COVID-Free Setting และทุกคนป้องกันตัวเองแบบสูงสุดครอบจักรวาล Universal Prevention ประกอบกับการที่รัฐบาลเดินหน้าฉีดวัคซีนตามแผน และมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลเร่งรัดเดินหน้าเพื่อพลิกโฉมประเทศไทยในทุกด้าน เพื่อให้สอคคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่กำลังคลี่คลาย ขอให้ประชาชนเชื่อมั่น” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว