นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากข้อมูล ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2564 โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 24.52 ล้านราย จากผู้เข้าร่วมโครงการรวม 27.31 ล้านราย โดยมียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 72,726 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายสะสม 37,004.3 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 35,721.7 ล้านบาท และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีประชาชนผู้ใช้สิทธิจำนวน 78,451 คน จากจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ 496,336 ราย โดยมียอดใช้จ่ายสะสมรวมทั้งหมด 2,444 ล้านบาท โดยมีมูลค่าการใช้จ่ายสะสมที่นำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher 1,911 ล้านบาท และคิดเป็นมูลค่าสะสม e-Voucher ทั้งสิ้นกว่า 208 ล้านบาท และมูลค่าการใช้จ่ายส่วน e-Voucher 102 ล้านบาท
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการคลังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในวันนี้ (4 ต.ค.) ประชาชนผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ (โครงการฯ) สามารถใช้สิทธิซื้ออาหารและเครื่องดื่มจากร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านผู้ให้บริการฟูดเดลิเวอรีแพลตฟอร์มได้เป็นวันแรก ซึ่งขณะนี้มีผู้ให้บริการฟูดเดลิเวอรีแพลตฟอร์มที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ แล้ว 2 ราย ได้แก่ Grab และ LINEMAN และมีผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มในโครงการฯ สามารถขายอาหารและเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการฟูดเดลิเวอรีแพลตฟอร์มแล้วกว่า 47,000 ราย จากผู้ลงทะเบียน 57,000 ราย โดยประชาชนสามารถใช้บริการ เวลา 06.00-20.00 น. ของทุกวัน ตามขั้นตอนดังนี้
1) เข้าแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” กดแถบแบนเนอร์ (Banner) ฟูดเดลิเวอรีในหน้าแรก หรือสามารถเข้าผ่าน g-Wallet กด Banner โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 หรือโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ แล้วจึงกด Banner ฟูดเดลิเวอรี
2) กด “สั่งผ่านฟูดเดลิเวอรีแพลตฟอร์ม” บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แล้วจึงเลือกผู้ให้บริการฟูดเดลิเวอรีแพลตฟอร์มที่ต้องการใช้งาน หรือสามารถกด “ค้นหาเมนูหรือร้านอาหาร” เพื่อเลือกซื้ออาหาร/เครื่องดื่มได้
3) หลังจากเลือกตามข้อ 2 ระบบจะเชื่อมไปที่แอปพลิเคชันฟูดเดลิเวอรีแพลตฟอร์มเพื่อสั่งอาหาร/เครื่องดื่มจากร้านอาหาร/เครื่องดื่มที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยประชาชนจะต้องชำระค่าส่งที่แอปพลิเคชันฟูดเดลิเวอรีแพลตฟอร์มก่อน
4) ประชาชนจะได้รับการแจ้งเตือนให้ชำระค่าอาหาร/เครื่องดื่มบน g-Wallet และกดปุ่มชำระค่าอาหาร/เครื่องดื่มพร้อมใช้สิทธิผ่าน g-Wallet โดยต้องชำระเงินภายใน 5 นาที
5) สำหรับกรณีที่มีการยกเลิกคำสั่งซื้อประชาชนจะได้รับเงินคืน โดยมีรายละเอียดดังนี้
5.1) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 จะได้รับเงินคืนใน g-Wallet และวงเงินสิทธิของโครงการคืนประมาณ 30-60 นาที
5.2) โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ จะได้รับเงินคืนใน g-Wallet และวงเงินสิทธิ e-Voucher คืนประมาณ 30-60 นาที
5.3) ค่าส่งที่ได้ชำระให้ผู้ให้บริการฟูดเดลิเวอรีแพลตฟอร์มจะได้รับคืนประมาณ 30-60 นาที
ทั้งนี้ รัฐจะสนับสนุนเงินในส่วนค่าอาหารและ/หรือเครื่องดื่มเท่านั้น ไม่รวมถึงค่าจัดส่งหรือค่าใช้จ่ายอื่นใด โดยผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มในโครงการฯ ที่ประสงค์จะขายอาหารและเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการฟูดเดลิเวอรีแพลตฟอร์มสามารถสมัครผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ได้อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถเลือกเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการฟูดเดลิเวอรีแพลตฟอร์มเพื่อขายอาหารและเครื่องดื่มตามโครงการฯ ได้เพียงรายเดียว ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขได้ที่ www.คนละครึ่ง.com และ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com
สำหรับข้อมูลการใช้จ่ายผ่านฟูดเดลิเวอรีแพลตฟอร์มล่าสุด (16.00 น.) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิแล้ว 80,852 คน มีการใช้จ่ายประมาณ 11.67 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 5.97 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่าย 5.70 ล้านบาท ในส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้มีผู้ใช้สิทธิแล้ว 45 คน และมีการใช้จ่ายประมาณ 10,000 บาท ประชาชนสามารถใช้จ่ายในโครงการฯ ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 และประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ยังสามารถลงทะเบียนอย่างต่อเนื่องได้ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ของทุกวัน จนกว่าจะครบ 28 ล้านสิทธิ ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สำหรับโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” จนกว่าจะครบ 1 ล้านสิทธิ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง halfhalf@fpo.go.th , spend2get@fpo.go.th
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร.0-2111-1122 (ตลอด 24 ชั่วโมง)