วันนี้ (6 ต.ค.) นายวิวัฒน์ เจริญพาณิชย์ศิริ เลขาธิการพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองต่างๆ พากันชูหัวหน้าพรรค หรือบุคคลที่เหมาะสมว่ามีคุณสมบัติเพียงพอในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ว่า ถึงแม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคีย์แมนคนสำคัญในรัฐบาล พยายามจะบอกว่า จะอยู่จนครบวาระในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 แต่บรรยากาศในช่วงนี้กลับมีความคึกคักของพรรคการเมืองต่างๆ ในการประกาศตัวบุคคลเพื่อจะชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและวางเป้าหมายที่นั่ง ส.ส. กันอย่างเอิกเกริก ซึ่งถ้าพรรคไทยศรีวิไลย์ยังนิ่งนอนใจแล้วไปเตรียมตัวเตรียมผู้สมัครฯ กันอย่างเร่งรีบในระยะเวลาไม่กี่วันแล้ว ตนคาดว่า พรรคการเมืองที่มีประสบการณ์ทั้งบนดินและใต้ดินในการเลือกตั้งที่ผ่านๆ มา ก็จะได้เปรียบมากกว่าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ยึดมั่นในอุดมคติของการปกครองระบอบประชาธิปไตยและตั้งใจว่าจะไม่ซื้อเสียงเพื่อจูงใจประชาชน
นายวิวัฒน์ กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการประกาศความพร้อมและไม่ให้ตกกระแสนิยม เพราะฉะนั้น ตนจึงขอประกาศว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมแล้วที่จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เนื่องจากว่า นายมงคลกิตติ์ มีความเหมาะสมทุกด้าน ทั้งด้านคุณวุฒิ เพราะจบ เตรียมวิศวะ จบ ป.ตรี วิศวะไฟฟ้า จบ ป.โท ด้านการเมืองการปกครอง มีความสามารถด้านการคำนวณตัวเลขทางเศรษฐกิจผิดพลาดน้อยมาก แม่นยำ คาดการณ์ไม่พลาด เพราะเคยเป็น อาจารย์สอน ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ เคมี มาก่อน มาดูที่ วัยวุฒิ คือ อายุไม่มากไม่น้อยเกินไป เพียง 40 ปี เป็น หัวหน้าพรรคมา 3 ปี เป็น ส.ส. มา 2 ปีครึ่ง สุขภาพแข็งแรง สู้งาน สมองไว ปราดเปรียว ทั้งประสบการณ์งานด้านการตรวจสอบการทุจริตกว่า 10 ปี โดย มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ถึงปัจจุบัน มีความกล้าหาญในการยับยั้งโครงการใหญ่ๆ ป้องกันความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดินโดยไม่กลัวใคร งานลงพื้นที่แก้ปัญหาให้ประชาชนก็แก้ได้อย่างรวดเร็วฉับไว นำปัญหาเสนอแนะรัฐบาลแก้ปัญหาให้ประชาชนและมาทำเป็นนโยบายพรรค ลุยงานทุกรูปแบบไม่เกรงกลัวสิ่งใด ติดดินไม่มีนิสัยแบบเจ้าขุนมูลนาย เข้าถึงง่าย พูดจาชัดเจนตรงไปตรงมา เข้าถึงคนรุ่นใหม่ รุ่นกลาง รุ่นอาวุโส ได้อย่างดี ไม่ถือตัว คุณสมบัติเหล่านี้ล้วนเหมาะสมกับสถานการณ์การแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นทุกด้านในประเทศไทย
“ผมเห็นว่า ประเทศไทยได้เปิดโอกาสให้คนที่มีอายุน้อยแต่มีคุณวุฒิและประสบการณ์เพียงพอ เข้ามาบริหารประเทศเป็นจำนวนมาก โดยในประวัติศาสตร์การเมืองไทย มีอยู่ไม่น้อยที่คนอายุราวๆ นายมงคลกิตติ์ เช่น จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกฯ ครั้งแรกเมื่ออายุ 41 ปี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกฯ เพื่อแก้ปัญหาสถานะประเทศไทย ไม่ให้ตกเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม เมื่ออายุ 40 ปี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ทำหน้าที่เมื่ออายุ 44 ปี รวมทั้ง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เป็นนายกฯ เมื่ออายุ 44 ปี เป็นต้น ดังนั้น นายมงคลกิตติ์ ซึ่งขณะนี้มีอายุ 40 ปี ก็ถือว่า มีความเหมาะสมที่สุดในการที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ประกอบกับตัวผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคที่มีอุดมการณ์และพร้อมทำงานให้กับประชาชนทั้ง 500 คน รวมทั้งมีนโยบายที่สามารถแก้ไขปัญหาทั้งในอดีตและวางรากฐานสำหรับอนาคตแล้ว หากประชาชนสนับสนุนพรรคไทยศรีวิไลย์ ไม่ว่าจะเป็นบัตรใบเดียวหรือบัตรสองใบ ก็จะได้ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย” นายวิวัฒน์ กล่าว